วันนี้ (18 มีนาคม) ที่ อำเภอบางบัวทอง จังหวัดนนทบุรี แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่ติดตามผลหลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจปฏิบัติการจับกุมผู้ลักลอบนำเข้าและส่งออก บุหรี่ไฟฟ้า รายใหญ่ของประเทศมีร้านค้าย่อยในเครือข่ายทั่วประเทศ พร้อมด้วย จิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และ พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
แพทองธาร กล่าวว่า ขอชื่นชมตำรวจ ที่ประสานงานและจับกุมได้เครือข่ายใหญ่ สิ่งที่รัฐบาลเป็นกังวลคือสารเสพติด ที่จะนำไปผสมกับบุหรี่ไฟฟ้า เช่นยาเค มีหลายกรณีที่เกิดอันตรายถึงชีวิต สิ่งพวกนี้เป็นสารเสพติดที่ติดและเลิกยาก ฉะนั้นการจับกุมครั้งนี้เป็นผลงานที่น่าชมเชย
เวลานี้มุ่งเน้นจับผู้ผลิตรายใหญ่ แต่ขณะเดียวกันต้องบอกประชาชนและเยาวชนด้วยว่าเรื่องนี้คือสิ่งที่ผิดกฎหมาย เวลานี้คุยกับกระทรวงศึกษาธิการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์วิจัยและนวัตกรรม ให้บอกข้อกฎหมาย ให้กับครูและบุคลากรเพื่อที่จะเป็นแบบอย่าง ว่าการใช้บุหรี่ไฟฟ้าผิดมีบทลงโทษ และต้องทำความเข้าใจและให้ความรู้เยาวชน
ทั้งนี้มาตรการเด็ดขาดที่ตำรวจดำเนินการอยู่ คือ จับกุมผู้ผลิตและผู้ลักลอบนำเข้า ล็อตใหญ่ส่วนรายเล็ก ต้องให้ความรู้ไปด้วย เพราะเราไม่อยากให้บุหรี่ไฟฟ้าพัฒนาไปเป็นเรื่องของยาเสพติด นี่เป็นเรื่องที่รัฐบาลเอาจริงรวมถึงเรื่องยาเสพติด จะเห็นว่าค่อยๆ ดีขึ้น อะไรที่เกิดขึ้นหลังจากนี้เราจะต้องเข้มงวดมากขึ้น และทางตำรวจรับทราบว่าเราจะดำเนินการอย่างไร
เมื่อถามถึงข้อสังเกตว่า โกดังที่เกิดเหตุอยู่ใกล้กับสถานีตำรวจแต่เจ้าหน้าที่ไม่รับทราบหรืออย่างไร นายกฯ กล่าวว่า เราต้องเด็ดขาดเรื่องนี้ แล้ววันนี้ก็ทำให้เห็นว่าเราทำแบบนี้ แต่ต้องดูที่มาว่ามาอย่างไร และมีกระบวนการอย่างไร ขอยืนยันว่าเราทำเต็มที่
ผู้สื่อข่าวถามว่าประชาชนเกรงว่ามีมาตรการออกมาครั้งหนึ่งก็จะเข้มข้นไปทีละครั้ง จะมีมาตรการอื่นให้ความมั่นใจ ว่าจะทำต่อเนื่องอย่างไร แพทองธาร กล่าวว่า ตอนเริ่มต้นอาจจะมีความสับสน แต่เมื่อทุกอย่างไหลลื่น ก็จะเห็นผลอยู่แล้ว ไม่ต้องห่วง เป็นหน้าที่ของนายกฯและรัฐบาล ที่ต้องสร้างความชัดเจน อะไรที่อยากให้ชัดเจนประชาชนก็ช่วยได้ ช่วยกันดูแลประเทศนี้
เมื่อถามว่ายังมีแหล่งใหญ่กว่านี้ที่เตรียมจะเข้าไปดำเนินการจับกุมหรือไม่ นายกฯกล่าวว่า ตอนนี้มีหลายข้อมูล ขอให้ตำรวจดำเนินการไป สำหรับประชาชนถ้าทราบว่าผิดกฎหมายขอให้เลี่ยง
เมื่อถามว่าประชาชนเป็นห่วงเมื่อจับกุมแล้ว ของกลางจะทำอย่างไรต่อ เนื่องจากเกรงจะมีการนำไปขายหรือใช้ต่อ นายกฯกล่าวว่า ไม่ต้องกังวล ใครจะเก็บหรือเอาไปใช้ เพราะจะทำลายหมด เรานับจำนวนชิ้นเอาไว้ โดยจะนำไปทำลาย และป้องกันไม่ให้สารอันตรายออกมาด้วย วันนี้เราทำทั้งหมดเมื่อจับได้ก็พร้อมทำลาย
ขณะที่ จิราพร กล่าวเสริมว่า ของกลางทั้งหมดนี้จะส่งไปยังกรมศุลกากร เพื่อดำเนินการเพื่อดำเนินการตามกฎหมายและนำไปตีมูลค่า และขยายผลเพิ่มเติม ว่าโกดังแห่งนี้จะกระจายสินค้าไปยังที่ไหน และขยายผลไปยังร้านค้าทั่วประเทศ และจะนำกฎหมายสำนักงานป.ป.ง. เข้ามาช่วย ตรวจสอบเส้นทางการเงิน
เมื่อถามว่ากรณีนี้ที่ปล่อยให้มีการลักลอบนำเข้าถือว่าเป็นการบกพร่องของศุลกากรในเรื่องการสำแดงหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า จากนี้ได้สั่งให้เข้มงวด และคิดว่าทุกภาคส่วนทราบตรงกัน
ด้านพล.ต.ต.สำราญ กล่าวว่า วันนี้ตำรวจได้ทำการค้น 9 ชุด พบของกลาง 5 จุด โดยจุดที่ 5 สามารถสืบสวนขยายผลไปจับกุมได้อีก รวมทั้งหมดวันนี้ตรวจค้น 10 จุด ของกลางทั้งหมด 260,000 ชิ้น มูลค่า ประมาณ 130 ล้านบาท ซึ่งตำรวจได้ปฏิบัติการอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่นายกฯ มีนโยบาย โดยบูรณาการทำงาน และในภาพรวมสามารถจับกุมได้ 800,000 ชิ้น มูลค่าโดยรวม 200 ล้าน แต่ครั้งนี้มีมูลค่าเยอะ และเป็นเคสที่ใหญ่ที่สุด โดย มีผู้กระทำความผิด มี 1 รายและกำลังออกหมายจับอีก 1 ราย
