วันนี้ (18 มีนาคม) ที่ทำเนียบรัฐบาล สุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ให้สัมภาษณ์หลังมอบทีมกฎหมายฟ้องร้อง รักชนก ศรีนอก สส.กทม. และสหัสวัต คุ้มคง สส.ชลบุรี พรรคประชาชนว่า เพื่อรักษาสิทธิของตัวเองแล้ว เพราะการเป็นบุคคลสาธารณะไม่ว่าจะเป็นรัฐมนตรี หรือ สส. ล้วนสามารถตรวจสอบได้ทั้งหมด และตนยินดีให้สอบในความถูกต้อง แต่ต้องไม่ใช่การตรวจสอบโดยความรู้ไม่จริง จนทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง ตนเองเป็น สส.มายาวนาน 10 ปี ก็ไม่เคยเอาเรื่องคนอื่นไปพูดในที่สาธารณะ
สุชาติกล่าวต่อว่า คู่กรณีให้สัมภาษณ์ว่า สส.รวมไทยสร้างชาติจะให้ข้อมูลเพิ่มเติม แค่ความเป็นจริงไม่ได้มีอะไร ซึ่งตนเองได้ไปซักถามความจริงก็พบว่า พูดคุยเรื่องชีวิตส่วนตัวเท่านั้น คนเราต้องพูดความจริง เขาเองคิดเองเออเอง พูดในฐานะที่ตนเป็นคนสาธารณะ เราต้องพูดความจริงให้กับสังคม รวมถึงเป็นตัวอย่าง เป็นนักการเมืองที่ดีและสร้างชาติบ้านเมือง หากเราเป็นนักการเมืองที่ไม่ดีและโกรธเคืองกันแบบนี้ จะมีประชาชนคนรุ่นใหม่ไม่อยากทำงานการเมือง
สุชาติ ยืนยันว่า ตนเองตั้งใจที่จะทำงานเพื่อชาติบ้านเมือง และขออย่ามาทำลายสถาบันทางการเมืองด้วยความไม่ถูกต้อง พร้อมยืนยันไม่เคยพูดใส่ร้ายใคร มีหน้าที่อะไรก็รับผิดชอบตามนั้น ตนเองถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจเกือบทุกครั้ง แต่ก็ชี้แจงได้ หากไม่พอใจก็สามารถตรวจสอบได้ ซึ่งการที่ตนส่งทีมกฎหมายไปในวันนี้ เพื่อปกป้องสิทธิของตัวเรา หากต่างคนต่างสัมภาษณ์ไปมาโดยไม่มีผู้ตัดสิน ประชาชนก็จะรู้สึกไม่ดีกับนักการเมือง ดังนั้นควรให้กระบวนการยุติธรรมเป็นข้อพิสูจน์
เมื่อถามว่ามีความกังวลหรือไม่ สุชาติ กล่าวย้ำว่า ตนเองไม่ได้ทำอะไรผิด และไม่มีเรื่องที่สืบเนื่องไปถึงตนเอง ตั้งแต่เรื่องบอร์ดแพทย์ ตนเองไม่ได้เป็นผู้คัดเลือก แต่บุคคลเหล่านั้นก็ล้วนมีเป็นคนที่มีวัยวุฒิ และคุณวุฒิ เป็นคนระดับประเทศ การออกมาพูดและให้คนอื่นเสื่อมเสียนั้นเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง
ส่วนเรื่องการลงทุนซื้อตึกใจกลางเมืองนั้น สุชาติกล่าวว่า ตนกำลังคิดและศึกษาพฤติกรรมว่า เขากำลังเล่นอะไรอยู่ ขอบคุณหลายคนที่ออกมาช่วยชี้แจง แต่การที่จะวิจารณ์ใครนั้นต้องวิจารณ์ด้วยข้อมูลที่ถูกต้อง ซึ่งการพูดของตนเองนั้นไม่ได้พูดเพื่อแก้ตัว เมื่อไม่พูดก็หาว่าทำ เมื่อพูดก็หาว่าเป็นการแก้ตัว แล้วตนเองควรพูดหรือไม่พูด จึงตัดสินใจใช้กระบวนการยุติธรรม
ส่วนการฟ้องร้องครั้งนี้เรียกค่าเสียหายจำนวน 50 ล้านบาท แต่เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่เป็นเรื่อง เกียรติยศและศักดิ์ศรี ที่มันเป็นเรื่องไม่ยุติธรรม
เมื่อถามว่าการใช้กระบวนการยุติธรรมนั้นถือเป็นการปิดปากหรือไม่ สุชาติถามกลับว่า หากตนไม่ฟ้องกลับใครจะเป็นผู้ตัดสิน ศาลเป็นที่พึ่งของคนบริสุทธิ์
“ทำไมต้องสร้างภาพ โกหกไปวัน ๆ โกหกจับได้ มันเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง คนแบบนี้เกินเยียวยาแล้ว สังคมรับไม่ได้แต่เขามีคดี ก็รู้อยู่แล้วว่าเป็นคดีอะไร ผมอยู่ตรงข้ามกับคนพวกนี้ 1 ล้านเปอร์เซ็นต์ คนพวกนี้สำนึกไม่ได้ ก็ให้ฟ้องไปก่อน แล้วค่อยมาคุยกัน ฟ้องเพื่อให้รู้ว่าคุณนินทาผมได้ คอมเมนต์ผมได้ แต่ต้องนินทาเรื่องการทำงาน ไม่ใช่ด่าพ่อแม่” สุชาติ กล่าว
สุชาติ กล่าวทิ้งท้ายว่า ตนเองในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน มีหน้าที่แค่เสนอสิทธิประโยชน์ของประชาชน โดยไม่มีเรื่องการลงทุน ประกันสังคมถือหุ้นกว่า 100 บริษัท มูลค่ามหาศาลกว่าหมื่นล้านบาท หากนำเสนอเข้าที่ประชุม ครม.ตลาดหุ้นจะปั่นป่วนแค่ไหน ตลาดหุ้นไม่ได้ลงทุนแค่พันล้าน แต่มีมูลค่าหลายแสนล้าน ในหนึ่งปี มีกำไรกว่า 70,000 ล้านบาท เงินเหล่านี้นำมาปรับเป็นสิทธิประโยชน์ให้กับประชาชน ตอนจึงอยากชี้แจงให้ประชาชนทราบ แต่เมื่อตนบอกว่า ไม่รู้ แล้วมาบอกว่าคนเป็นรัฐมนตรีไม่รู้ได้อย่างไร เพราะตนพูดแต่เรื่องสิทธิประโยชน์ของประชาชน ยืนยันว่าการลงทุน ใครอยากรู้ก็ให้มาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ว่าได้รับกี่คดี