วันนี้ (15 มีนาคม) พล.ต.อ. ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า ได้รับมอบหมายจาก ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และ พล.ต.อ. กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ให้เดินทางไปประเทศกัมพูชา เข้าหารือและแลกเปลี่ยนข้อมูลกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง และสำนักงาน กสทช. ของประเทศกัมพูชา เมื่อวันที่ 13-14 มีนาคมที่ผ่านมา โดยมีสาระสำคัญ ดังนี้
- ขอบคุณทางการกัมพูชา ที่กวาดล้างแก๊งคอลเซ็นเตอร์คนไทยในปอยเปต จำนวน 119 คน และได้แจ้งทางกัมพูชาให้ทราบถึงการดำเนินคดีกับกลุ่มคนไทยเหล่านี้ รวมทั้งหารือในเรื่องการรวบรวมพยานหลักฐานในฝั่งกัมพูชาเพื่อมาดำเนินคดีในฝั่งไทย
- การแลกเปลี่ยนข้อมูลของแก๊งคอลเซ็นเตอร์คนไทย ที่ลักลอบตั้งอยู่ฝั่งประเทศกัมพูชา เพื่อร่วมกันปราบปรามและส่งตัวคนไทยเหล่านี้มาดำเนินคดีในข้อหาองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติในไทยให้เด็ดขาด และให้หมดไปภายในปีนี้
พล.ต.อ. ธัชชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า การมาหารือในครั้งนี้ยังเป็นการกระชับความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นในการทำงานร่วมกันระหว่างสองประเทศ และการที่คนไทยแอบลักลอบข้ามช่องธรรมชาติแนวพรมแดนไทย-กัมพูชา ไปตั้งแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ฝั่งประเทศกัมพูชา มีวัตถุประสงค์เพื่อหลบเลี่ยงข้อกฎหมายไม่ให้ถูกดำเนินคดี โดยกลุ่มคนไทยขายชาติเหล่านี้จะมาหลอกลวงเฉพาะคนไทยแต่ไม่ไปหลอกลวงประชาชนชาวกัมพูชา
โดยเมื่อถูกทางการกัมพูชาทลายแก๊งจับกุม จะถูกดำเนินคดีเพียงแค่ข้อหาหลบหนีเข้าเมือง หรือทำงานโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งมีโทษที่น้อยมาก เนื่องจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์คนไทยไม่ได้หลอกคนกัมพูชาแต่หลอกเฉพาะคนไทย ความผิดไม่ได้เกิดขึ้นที่ประเทศกัมพูชา และเมื่อส่งกลับมาไทย กลุ่มคนไทยขายชาติเหล่านี้จะโกหกและอ้างว่าถูกบังคับขู่เข็ญให้ทำงาน อ้างว่าตนเองเป็นเหยื่อของการค้ามนุษย์ เพื่อจะทำให้ไม่ต้องถูกดำเนินคดีในไทย
จากการใช้ช่องว่างดังกล่าว ทำให้ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา กลุ่มแก๊งคอลเซ็นเตอร์มีการขยายตัวอย่างรวดเร็ว มีความย่ามใจไม่เกรงกลัวกฎหมาย โทรหลอกคนไทยเป็นจำนวนมาก ไม่จำกัดชนชั้น เพศ วัย เปิดหน้าวิดีโอคอล มีแม้กระทั่งการต่อว่ารุนแรง เยาะเย้ยซ้ำเติมผู้ที่ตกเป็นเหยื่อ รวมทั้งการซ้ำเติมส่งพวงหรีด หรือพูดจาดูถูกกับญาติของผู้เสียชีวิต ที่ฆ่าตัวตายจากการสูญเสียทรัพย์สินจากการหลอกลวงของคนไทยขายชาติเหล่านี้
จากการดำเนินคดีในข้อหาองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติกับคนไทย จำนวน 115 คน จากทั้งหมด 119 คน ที่ทางการกัมพูชาจับกุมทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์คนไทยที่ปอยเปต ในข้อหาองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ อั้งยี่ ซ่องโจร ร่วมกันฉ้อโกง นำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จ รวมทั้งการยึดทรัพย์ นับเป็นก้าวประวัติศาสตร์ เป็นครั้งแรกที่สามารถดำเนินคดีกับแก๊งคอลเซนเตอร์ในข้อหาที่หนักมีโทษจำคุกถึง 15 ปี ไม่ให้กลุ่มคนไทยขายชาติเหล่านี้อาศัยช่องว่างทางกฎหมาย กล่าวอ้างการตกเป็นเหยื่อการค้ามนุษย์อีกต่อไป
นอกจากนี้ พล.ต.อ. ธัชชัย ยืนยันว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติจะทุ่มเททรัพยากร ทั้งในด้านกำลังพล งบประมาณ ในการดูแลไม่ให้คนไทยตกเป็นเหยื่อของแก๊งคอลเซ็นเตอร์อีก รวมทั้งปราบปรามให้หมดไปจากสังคมไทย และร่วมกับทางการกัมพูชาในการนำคนไทยขายชาติเหล่านี้มาดำเนินคดีที่ไทยให้หลาบจำ และไม่ให้ใครนำมาเป็นเยี่ยงอย่างอีกต่อไป