วันนี้ (14 มีนาคม) ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่สภายุโรป (EU) ประณามการส่งชาวอุยกูร์กลับประเทศจีน และเตรียมออกมาตรการการกดดันทางการค้าว่า เรื่องนี้ต้องอธิบายและเชิญทูต EU มาคุยว่าไทยละเมิดสิทธิมนุษยชนของชาวอุยกูร์นี้มา 10 ปีแล้ว เพราะเข้าเมืองผิดกฎหมาย และขังไว้กว่า 10 ปี
“มันไม่ทารุณไปหรือ และ 10 ปีนี้ไม่เคยมีประเทศไหนมาขอชาวอุยกูร์ไปเลย ดังนั้น 10 ปีนี้รู้สึกว่าเราต้องส่งเขากลับบ้านได้แล้ว ประเทศจีนก็แสดงเจตจำนงชัดเจน และยืนยันว่าจะไม่ดำเนินคดีกับคนเหล่านี้ เพราะเขาโดนมาเยอะแล้ว ก็ให้เขากลับบ้าน เมื่อเป็นเช่นนี้ก็เป็นช่องทางเดียวที่จะแก้ปัญหาสิทธิมนุษยชนที่เราละเมิดมานาน”
ส่วนมาตรการกดดันเหล่านี้จะกระทบต่อเสถียรภาพรัฐบาลหรือไม่ ทักษิณระบุว่า ไม่มี คุยกันได้มีอะไรต้องอธิบาย มนุษย์ต้องพูดกัน ถ้าไม่พูดกันมันก็จินตนาการไปไม่ดี ก็เหมือนขาประจำตนเองที่ไม่มีใครมาคุยกับตนก็จินตนาการไปเรื่อยเปื่อย ตนเองเป็นห่วงเขา ตัวเขาไม่สบาย มาคุยกับตนดีกว่า จิตใจจะได้ร่มเย็น ใจร่มๆ เข้าไว้นะ
ขอเวลาแก้ปัญหาไฟใต้ ยันต้องคุย BRN ให้สะเด็ดน้ำ
ส่วนมาตรการแก้ปัญหาสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ทักษิณระบุว่า เรื่องนี้ขอเวลาเนื่องจากตนเพิ่งเริ่มลงพื้นที่ไป และได้พบกับกลุ่ม BRN เมื่อตอนไปมาเลเซีย จะต้องพูดคุยกันให้สะเด็ดน้ำ
ส่วนที่มีการเชื่อมโยงว่าเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ เกิดจากกรณีที่ตนเองลงพื้นที่ไป 3 จังหวัดชายแดนใต้ ทักษิณย้อนถามกลับว่าใครบอก ก็ขาประจำทั้งนั้น ยืนยันว่าแก้ปัญหาได้ ยกตัวอย่างเรื่องแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ตนก็เคยบอกว่าสิ้นปีนี้จะจบ และยาเสพติดต้องเอาให้จบให้ได้ ส่วนไฟใต้ก็ต้องให้เห็นช่องทางความสงบให้ได้เช่นกัน สิ่งที่เกิดขึ้นไม่สะเทือนถึงรัฐบาล แต่มีเงื่อนงำเยอะ ไม่อยากพูดอะไรเยอะ
รับคุย ‘อนุทิน-เนวิน’ จริง ยันแค่ให้คำปรึกษาไม่มีอำนาจสั่งการ
ทักษิณระบุถึงกรณีที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) รับคดีฮั้วเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภา (สว.) จนทำให้ สว. ยื่นถอดถอน พ.ต.อ. ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และ พ.ต.ต. ยุทธนา แพรดำ อธิบดี DSI ต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ว่า สรุปเร็วไปนิดหนึ่ง เวลาใครไปยื่นเรื่องก็รับเรื่องไว้พิจารณา แต่ก็ไม่ได้หมายความว่ารับแล้วจะต้องถูกหรือผิด
แต่กระบวนการมันเริ่มต้นที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เชิญ DSI เข้าไปร่วมเป็นกรรมการในการสอบเรื่องของ สว. ทำให้ DSI มีหลักฐานเยอะ ในเมื่อ กกต. เป็นคนเริ่มแต่ไม่ได้รับเรื่องไปทำเอง DSI จึงรู้สึกว่าเมื่อได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่จึงทำต่อ ซึ่งเป็นไปตามกระบวนการใครจะทำอะไรได้
ทักษิณยืนยันว่า ไม่ได้ต้องการที่จะล้าง สว. สายสีน้ำเงิน แต่มีการพูดคุยกับอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และ เนวิน ชิดชอบ ประธานบริหารสโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ถึงเรื่องนี้ว่า เมื่อกระบวนการมันเริ่มไปแล้ว ก็ต้องเป็นไปตามกระบวนการ ไม่มีใครสามารถไปบิดเบี้ยวหรือไปหยุดกระบวนการได้
ส่วนที่ปรากฏข่าวอนุทินและเนวินเข้าบ้านจันทร์ส่องหล้านั้น ทักษิณกล่าวว่า เราเป็นพรรคร่วมรัฐบาลก็ต้องพูดคุยกันบ้างเป็นธรรมดาในฐานะคนแก่ทางพรรคการเมือง ก็มีคนแวะเข้าไปขอคำปรึกษาก็ให้คำปรึกษาไป แต่ไม่มีอำนาจสั่งการใดๆ ทั้งสิ้น ตนเคยเป็นหัวหน้าพรรค เขาก็เคยเป็นลูกพรรค เป็นเรื่องธรรมดาไม่มีอะไรก็ให้คำปรึกษาไป เขาจะเชื่อหรือไม่เชื่อ หรือทำได้หรือไม่ได้ก็เป็นเรื่องของเขา