นรภัทร ปลอดทอง ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต แถลงตัวเลขการค้นหาผู้สูญหายจากเหตุการณ์เรือล่ม โดยพบผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 5 ราย ทำให้ตัวเลขผู้เสียชีวิตเพิ่มเป็น 38 ราย และยังมีผู้สูญหายอีก 18 ราย
นอกจากนั้น กองพิสูจน์หลักฐาน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พิสูจน์อัตลักษณ์บุคคลผู้เสียชีวิตแล้วเสร็จ 17 ราย พร้อมส่งให้ญาติและครอบครัวรับไปบำเพ็ญกุศลตามประเพณีต่อไป
ขณะที่ท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ต ตั้งศูนย์ประสานงาน 2 จุด ที่ฝั่งขาเข้าในประเทศ และขาเข้าต่างประเทศ เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ญาติผู้บาดเจ็บและผู้เสียชีวิต โดยมีล่ามแปลภาษา ประกบหนึ่งต่อหนึ่ง
ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ยังคาดการณ์ว่า จากนี้เมื่อการค้นหาใต้น้ำดำเนินการครบทุกซอกทุกมุมของเรือแล้ว พื้นที่ค้นหาจะแคบลง และสามารถกำหนดพื้นที่ค้นหาได้ชัดเจน เนื่องจากปัจจัยลมตะวันตกเฉียงใต้พัดมาทิศทางเดียว คือพัดเข้าฝั่ง จ.ภูเก็ต และอ่าวกระบี่ ซึ่งได้ขอความร่วมมือไปยัง จ.พังงา และ จ.กระบี่ รวมถึง ศร.ชล.เขต 3 และเครือข่ายตาสับปะรด ปูพรมค้นหาอย่างเข้มข้น เพื่อให้พบผู้สูญหายครบตามจำนวน
พล.ร.ต. เจริญพล คุ้มราษี รอง ผบ.ทร.ภาค 3 กล่าวถึงการปฏิบัติงานค้นหาในวันนี้ ประกอบด้วย
1. จัดเฮลิคอปเตอร์ 5 ลำ หมุนเวียนขึ้นบินค้นหาผู้ประสบเหตุตามบริเวณชายฝั่งและทะเล และเครื่องบินดอร์เนียร์ 228 บินขยายพื้นที่ไปถึงเกาะพีพี และเกาะลันตาของจังหวัดกระบี่
2. การค้นหาใต้น้ำบริเวณเรือจม จนถึงขณะนี้ ดำเนินการไป 2 เที่ยวแล้ว และเที่ยวที่ 3 กำลังจะลงไปค้นหาบริเวณห้องเครื่อง และห้องโถง ซึ่งเป็นชั้นล่างสุดของเรือฟินิกซ์ โดยจะค้นทุกซอกทุกมุม มีทีมนักประดาน้ำจากจีน 17 นาย สนับสนุนการทำงานด้วย ถือว่าในวันนี้การปฏิบัติงานใต้น้ำ สามารถดำเนินงานได้นานขึ้น เนื่องจากได้รับการสนับสนุนอุปกรณ์จากกรมสรรพาวุธทหารเรือ คาดว่า วันนี้จะสามารถปิดสถานการณ์การค้นหาใต้น้ำได้ และจะเพิ่มความถี่การค้นหาบริเวณผิวน้ำให้มากขึ้น
3. การค้นหาบริเวณผิวน้ำ ใช้เรือลาดตระเวน 13 ลำค้นหา กรณีมีศพลอยขึ้นมา
ส่วน พล.ต. อาคม พงศ์พรหม ผบ.มทบ.ที่ 41 กล่าวว่า กองทัพบก สนับสนุนภารกิจการค้นหา โดยจัดตั้งกองอำนวยการร่วมบรรเทาสาธารณภัย กองทัพภาค 4 ประกอบด้วย กองอำนวยการ ชุดแพทย์ พยาบาล จากค่ายวิภาวดี และค่ายเทพสตรีศรีสุนทร จัดตั้งครัวทหารและชุดปฏิบัติการตามภารกิจที่จังหวัดร้องขอด้วย