Nissan ประกาศแต่งตั้ง Ivan Espinosa เป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหารคนใหม่เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (11 มีนาคม) โดยเลือกผู้บริหารที่อยู่กับบริษัทมากว่า 2 ทศวรรษและมีประสบการณ์ด้านผลิตภัณฑ์อย่างลึกซึ้ง เพื่อฟื้นฟูแบรนด์ที่เคยรุ่งเรือง แต่ได้รับผล กระทบจากเรื่องอื้อฉาว ความปั่นป่วนในการบริหาร และยอดขายที่ตกต่ำในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
Ivan Espinosa วัย 46 ปี สัญชาติเม็กซิกัน ดำรงตำแหน่งผู้บริหารฝ่ายวางแผนของ Nissan ก่อนหน้านี้ การแต่งตั้งของเขาสยบการคาดเดาที่ดำเนินมาหลายสัปดาห์เกี่ยวกับผู้สืบทอดตำแหน่งต่อจาก Makoto Uchida ในฐานะผู้นำของบริษัทผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่อันดับ 3 ของญี่ปุ่น โดยเขาจะเข้ารับตำแหน่งในวันที่ 1 เมษายนนี้
ทั้งนี้ Ivan Espinosa ร่วมงานกับ Nissan ครั้งแรกในเม็กซิโกเมื่อปี 2003 และเคยดำรงตำแหน่งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และยุโรป
ก่อนหน้านี้ Makoto Uchida เผชิญแรงกดดันให้ก้าวลงจากตำแหน่ง หลังจากผลประกอบการของ Nissan ย่ำแย่ลง และการเจรจาควบรวมกิจการกับ Honda ล่มลงเมื่อต้นปีนี้ ยังไม่มีความชัดเจนว่าการแต่งตั้ง Ivan Espinosa ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการปรับโครงสร้างผู้บริหารระดับสูงของ Nissan จะทำให้การเจรจาควบรวมกลับมาเป็นประเด็นอีกครั้ง หรือเปิดโอกาสให้มีการลงทุนจากพันธมิตรรายใหม่
ผู้ผลิตรถยนต์รายนี้ได้รับผลกระทบอย่างหนักในตลาดสำคัญ อาทิ จีน ซึ่งผู้เล่นในประเทศที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว ยกตัวอย่างเช่น BYD ได้เข้ามาแย่งส่วนแบ่งทางการตลาดไป และในสหรัฐอเมริกา ซึ่งกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่เก่าแก่ของบริษัทก็ควรจะได้รับการยกเครื่องใหม่มานานแล้ว
Christopher Richter นักวิเคราะห์อุตสาหกรรมยานยนต์ญี่ปุ่นจาก CLSA กล่าวว่า “นี่เป็นสัญญาณที่ดีว่า Nissan ต้องการให้ความสำคัญกับผลิตภัณฑ์มากขึ้น เพราะแบรนด์ Nissan ค่อนข้างเลือนรางมานานและไม่มีจุดยืนที่ชัดเจน”
Ivan Espinosa มีประสบการณ์ด้านการวางแผนและพัฒนาผลิตภัณฑ์ และเคยบริหารกลยุทธ์และพอร์ตโฟลิโอผลิตภัณฑ์ระดับโลกของ Nissan เขาเข้ารับตำแหน่งปัจจุบันตั้งแต่เดือนเมษายน 2024 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการปรับโครงสร้างองค์กรเพื่อเร่งการเปลี่ยนผ่านไปสู่ยานยนต์ไฟฟ้า (EV)
Nissan ต้องเผชิญกับยอดขายที่ซบเซาและปัญหาการบริหารมาหลายปี โดยยังไม่สามารถฟื้นตัวได้เต็มที่หลังเกิดวิกฤตแบรนด์ครั้งใหญ่ในปี 2018 เมื่ออดีตประธาน Carlos Ghosn ถูกอัยการโตเกียวกล่าวหาว่ากระทำผิดทางการเงิน บริษัทรายงานว่ากำไรไตรมาสที่ 3 ลดลง 78% และได้ปรับลดคาดการณ์รายได้ทั้งปีเป็นครั้งที่ 3 ในเดือนกุมภาพันธ์
ก่อนหน้านี้ Nissan และ Honda เคยเจรจาเกี่ยวกับความร่วมมือเพื่อตั้งบริษัทร่วมมูลค่า 6 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่การเจรจาล้มเหลวเมื่อ Honda เสนอให้ Nissan เป็นบริษัทลูก ขณะที่ Nissan กำลังมองหาพันธมิตรใหม่ หลังจากการเจรจากับ Honda ล้มเหลว โดยหนึ่งในตัวเลือกที่ถูกกล่าวถึงคือ Foxconn จากไต้หวัน
รถยนต์ดั้งเดิมเกือบทุกแบรนด์ต้องเผชิญกับการแข่งขันจากผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าชาวจีน ซึ่งได้พลิกโฉมอุตสาหกรรมด้วยรถยนต์ที่มีซอฟต์แวร์ที่ทันสมัยและดีไซน์ที่สวยงาม แต่ Nissan กำลังต่อสู้กับปัญหาลึกๆ เช่น ความล้มเหลวในการเปิดตัวรถไฮบริดในสหรัฐฯ และความวุ่นวายที่เกิดขึ้นหลังจากการจากไปของ Carlos Ghosn
นอกจากนี้ Nissan ยังต้องเผชิญกับภาษีศุลกากรที่อาจจะเกิดขึ้น สำหรับรถยนต์ที่ส่งออกไปยังสหรัฐฯ จากเม็กซิโก ซึ่งเป็นศูนย์การผลิตหลัก
ความต้องการที่ลดลงของ Nissan ในตลาดสำคัญอย่างสหรัฐฯ และจีน กดดันการดำเนินธุรกิจของบริษัท นักวิเคราะห์เตือนว่า Nissan อาจจะต้องเผชิญกับแรงกดดันในระยะยาว หากไม่สามารถพลิกฟื้นธุรกิจให้กลับมาเติบโตได้
เมื่อเดือนที่แล้ว Fitch Ratings ได้ปรับลดอันดับเครดิตของ Nissan เป็น ‘Junk’ ซึ่งเป็นการลบสถานะการลงทุนสุดท้ายจากหน่วยงานจัดอันดับเครดิตชั้นนำ และเน้นถึงความไม่แน่นอนเกี่ยวกับแผนฟื้นฟูบริษัท
Fitch Ratings กล่าวเสริมว่า “Nissan ต้องเร่งทำการปรับลดต้นทุนและกลับสู่ความสามารถในการทำกำไร แต่ไม่ควรตัดลดมากเกินไปจนไม่สามารถลงทุนในผลิตภัณฑ์ได้”
อ้างอิง: