พ่อแม่ยุคใหม่ให้ความสำคัญกับการพัฒนาลูกในทุกๆ ด้าน แต่สิ่งหนึ่งที่มักถูกมองข้ามคือ ‘สุขภาพตา’ ซึ่งเป็นประตูสู่การรับรู้และการเรียนรู้ งานวิจัยพบว่า หากเด็กมีปัญหาด้านสายตาแม้เพียงเล็กน้อย จะส่งผลให้พัฒนาการด้านการเรียนรู้ของเด็กช้ากว่าเพื่อนเสมอ
ในงาน Alpha Skills Summit 2025 ได้เชิญ รศ. นพ.อนันต์ วงศ์ทองศรี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Bangkok Eye Hospital พูดคุยในหัวข้อ ‘Eye Health Decoded ถอดรหัสสุขภาพตาเด็กยุคดิจิทัล’ เพื่อเล่าถึงวิกฤตสุขภาพตาในปัจจุบัน ความสำคัญของการตรวจตาและโรคตาทางพันธุกรรมที่อาจส่งผลต่อลูก
👁️ 57% ของเด็ก ป.1 มีปัญหาด้านสายตาโดยที่พ่อแม่ไม่รู้ตัว
รศ. นพ.อนันต์ ฉายภาพวิกฤตสุขภาพตาในปัจจุบันว่า 57% ของเด็ก ป.1 มีปัญหาด้านสายตาโดยที่พ่อแม่หรือผู้ปกครองไม่ทันสังเกตเห็น ขณะเดียวกันความก้าวหน้าของเทคโนโลยีก็ทำให้เด็กใช้สายตาเพิ่มมากขึ้น เสี่ยงต่อภาวะตาล้าและสายตาสั้นเพิ่มขึ้นโดยไม่รู้ตัว นอกจากนี้ยังมีปัจจัยทางพันธุกรรมที่ทำให้เด็กมีปัญหาด้านสายตา ซึ่งอาจกระทบต่อการเรียนรู้และพัฒนาการในระยะยาว
👁️ 6 โรคตาทางพันธุกรรมที่อาจส่งผลต่อลูก
- โรคจอประสาทตาเสื่อม (AMD): มองเห็นภาพเบลอ ภาพบิดเบี้ยว เสี่ยงตาบอดถาวร
- ต้อหินมุมเปิด (Open-Angle Glaucoma): ภัยเงียบที่ค่อยๆ ขโมยการมองเห็น ไม่มีอาการในระยะแรก กว่าจะรู้ตัวอาจสูญเสียการมองเห็นไปแล้ว
- โรคโจเกรน (Sjogren Syndrome): ตาแห้งเรื้อรัง แสบตา หากปล่อยไว้เสี่ยงกระจกตาเป็นแผลและติดเชื้อรุนแรง
- ภาวะม่านตาอักเสบ (Uveitis): ปวดตา ตาแดง สู้แสงไม่ได้ หากเป็นเรื้อรังอาจนำไปสู่ต้อหินและสูญเสียการมองเห็นถาวร
- โรคกระจกตาเสื่อม (Avellino): กระจกตาขุ่นมัว การมองเห็นลดลงทีละน้อย หากรุนแรงอาจต้องเปลี่ยนกระจกตา
- Birdshot Chorioretinopathy: ตาพร่ามัวจากแสงจ้า มองไม่ชัดในที่มืด
👁️ ‘ตรวจสุขภาพตาประจำปี’ ป้องกันก่อนสายเกินไป
จากสถิติพบว่า 20-30% ของผู้ที่ตรวจตาประจำปี ตรวจพบโรคเกี่ยวกับตาที่ไม่เคยรู้มาก่อน ดังนั้นแม้ไม่มีอาการผิดปกติใดๆ ก็ควรตรวจสุขภาพตาทุกปี
โดยเฉพาะในเด็ก การสังเกตของพ่อแม่เป็นสิ่งสำคัญมาก หากพบความผิดปกติใดๆ ควรพาลูกไปตรวจตาทันที เพื่อป้องกันและคัดกรองความผิดปกติตั้งแต่ระยะเริ่มต้น ลดความเสี่ยงต่อการสูญเสียการมองเห็น และช่วยให้เด็กเติบโตไปพร้อมกับการเรียนรู้อย่างเต็มศักยภาพ