วานนี้ (9 มีนาคม) ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ออกแถลงการณ์ตอบโต้การทำหน้าที่ของประธานสภาผู้แทนราษฎร กรณีมีคำสั่งให้ฝ่ายค้านแก้ไขเนื้อหาญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ โดยให้ลบชื่อ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ออกจากเนื้อหา ก่อนที่จะบรรจุญัตติลงวาระการประชุม โดยระบุว่า การกระทำดังกล่าวขัดต่อหลักการตรวจสอบของฝ่ายนิติบัญญัติ และเป็นการใช้อำนาจเกินขอบเขต
ณัฐพงษ์เปิดเผยว่า ประธานสภาผู้แทนราษฎรเรียกตนเข้าหารือนอกรอบจริง และแจ้งอย่างไม่เป็นทางการว่าหากฝ่ายค้านยังยืนยันจะคงชื่อทักษิณในญัตติ ประธานสภาผู้แทนราษฎรก็จะไม่บรรจุญัตตินี้เข้าสู่วาระการประชุม พร้อมกล่าวในที่ประชุมว่า “ถ้าฝ่ายค้านยืนยันจะไม่ลบชื่อคุณทักษิณออก ผมก็ยืนยันที่จะไม่บรรจุญัตติให้ และถ้าฝ่ายค้าน (หรือใคร) จะยื่นร้องเรียนอย่างไรต่อผม ผมก็ยินดีและมีความเข้าใจที่จะให้ดำเนินการตามนี้”
ฝ่ายค้านมองว่าการกระทำดังกล่าวของประธานรัฐสภาเป็นการปิดกั้นการอภิปรายไม่ไว้วางใจ โดยใช้ข้ออ้างเรื่อง ‘บุคคลภายนอก’ ทั้งที่ในอดีตเคยมีกรณีที่ญัตติอภิปรายมีการพาดพิงถึงบุคคลภายนอกมาก่อน และรัฐธรรมนูญมาตรา 124 ก็ระบุชัดเจนว่าความรับผิดชอบต่อเนื้อหาการอภิปรายเป็นของผู้อภิปราย ไม่ใช่ของประธานสภาผู้แทนราษฎร
ณัฐพงษ์ยังวิพากษ์วิจารณ์ แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่ให้สัมภาษณ์ว่าไม่เห็นด้วยกับการใส่ชื่อทักษิณในญัตติ โดยให้เหตุผลว่าบุคคลดังกล่าวไม่สามารถเข้าชี้แจงในสภาได้ โดยณัฐพงษ์ชี้ว่า นายกรัฐมนตรีควรเข้าใจว่าการอภิปรายในสภาสามารถกล่าวถึงบุคคลภายนอกได้ หากมีความเกี่ยวข้องกับการบริหารราชการแผ่นดิน อีกทั้งทักษิณเป็นบุคคลสาธารณะที่ยังคงมีบทบาทชัดเจนในการกำหนดทิศทางของรัฐบาลชุดนี้
“สิ่งที่นายกรัฐมนตรีควรแสดงออก คือการแสดงความเข้าใจในกระบวนการส่วนนี้ของสภา และพร้อมที่จะเข้ามาตอบทุกข้อสงสัย และในทุกประเด็นการซักฟอก ว่าตกลงแล้วคุณทักษิณผู้เป็นบิดา เป็นผู้ชักใยการบริหารราชการแผ่นดินอยู่จริงหรือไม่ ถ้านายกรัฐมนตรียืนยันว่าไม่ จะกลัวอะไรกับการกล่าวหาที่ไม่มีน้ำหนักของพรรคร่วมฝ่ายค้าน” ณัฐพงษ์กล่าว
ณัฐพงษ์ยืนยันว่าจะเดินหน้าคัดค้านคำสั่งของประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อให้การอภิปรายไม่ไว้วางใจสามารถดำเนินไปได้ตามหลักการตรวจสอบของสภาผู้แทนราษฎร พร้อมระบุว่า ประธานสภาผู้แทนราษฎรต้องแบกรับต้นทุนทางการเมืองจากการใช้อำนาจที่ไม่ถูกต้อง และต้องตอบคำถามต่อสังคมว่า ตกลงแล้วกำลังทำหน้าที่ประมุขฝ่ายนิติบัญญัติ หรือเป็นผู้คุ้มกันรัฐบาลกันแน่