วันนี้ (25 กุมภาพันธ์) พิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานการประชุมร่วมกับพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศ เพื่อติดตามสถานการณ์สินค้าเกษตรสำคัญโดยเฉพาะข้าว พร้อมสั่งการให้พาณิชย์จังหวัดเร่งดำเนินมาตรการรองรับและช่วยเหลือเกษตรกรในช่วงที่ผลผลิตออกสู่ตลาดเป็นจำนวนมาก
พิชัยเปิดเผยว่า ที่ประชุมเน้นติดตามสถานการณ์พืชผลเกษตรทั้งหมด โดยให้ความสำคัญกับข้าวเป็นหลัก พร้อมสั่งให้จังหวัดที่เป็นแหล่งเพาะปลูกข้าวนาปรัง เช่น อยุธยา, พิจิตร, พิษณุโลก และสุพรรณบุรี เตรียมให้ข้อมูลและอธิบายรายละเอียดให้กับเกษตรกร หลังจากที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) จะได้สรุปมาตรการที่เกี่ยวข้องในวันพรุ่งนี้ (26 กุมภาพันธ์) เพื่อให้เกษตรกรรับทราบแนวทางช่วยเหลืออย่างชัดเจน
นอกจากนี้ ยังได้ติดตามสถานการณ์สินค้าเกษตรอื่นๆ เช่น มันสำปะหลัง ซึ่งขณะนี้กระทรวงพาณิชย์ขอให้จีนซื้อล่วงหน้าไปแล้วกว่า 1 ล้านตัน รวมถึงข้าว 280,000 ตันที่อยู่ระหว่างเจรจา โดยล่าสุดได้หารือกับ หานจื้อเฉียง เอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย แล เจียงเหว่ย อัครราชทูตที่ปรึกษาฝ่ายเศรษฐกิจและพาณิชย์ เพื่อขอให้จีนเร่งพิจารณาเรื่องดังกล่าว โดยจีนรับปากจะดำเนินการ
ในส่วนของปาล์มน้ำมันที่ขณะนี้มีผลผลิตออกสู่ตลาดเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้ราคาปรับตัวลดลง พิชัยสั่งการให้ดูแลราคาให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม พร้อมทั้งเตรียมมาตรการรับมือกับผลผลิตเกษตรอื่นๆ เช่น ทุเรียน หอมใหญ่ และมะม่วง ซึ่งปีนี้ได้รับผลกระทบจากสภาพอากาศเย็น ทำให้ผลผลิตออกมากกว่าปกติ
โดยขณะนี้ราคาข้าวในตลาดโลกได้รับผลกระทบจากหลายปัจจัย โดยเฉพาะการที่อินเดียกลับมาส่งออกข้าวขาว ส่งผลให้ราคาข้าวในตลาดโลกปรับตัวลดลง ประกอบกับปริมาณผลผลิตข้าวนาปีที่ออกสู่ตลาดมากขึ้น ส่งผลกระทบต่อราคาข้าวเปลือกในประเทศ ซึ่งคณะอนุกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติด้านการตลาด เตรียมเสนอมาตรการเร่งด่วนต่อคณะกรรมการ นบข. ที่มี พิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธาน ในวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2568 ได้แก่
- โครงการชะลอและเก็บข้าว เพื่อช่วยลดปริมาณข้าวที่ออกสู่ตลาดในช่วงเดียวกัน ซึ่งจะช่วยให้ราคาข้าวเปลือกทรงตัวได้ดีขึ้น
- โครงการชดเชยดอกเบี้ยสำหรับผู้ประกอบการที่เก็บสต็อก โดยรัฐบาลจะช่วยเหลือดอกเบี้ยในอัตรา 6% แก่ผู้ประกอบการที่เก็บสต็อกข้าวในช่วง 2-6 เดือน
- โครงการเปิดจุดรับซื้อข้าวเปลือก โดยรัฐจะสนับสนุนค่าบริหารจัดการ 500 บาทต่อตัน ใช้งบประมาณรวม 1,893 ล้านบาท เพื่อช่วยให้เกษตรกรมีช่องทางจำหน่ายผลผลิตในราคาที่เหมาะสม
และมาตรการอื่นๆ จากที่ประชุม โดยให้พาณิชย์จังหวัดในพื้นที่แหล่งเพาะปลูกข้าวนาปรังเตรียมพร้อมดำเนินมาตรการช่วยเหลือของรัฐบาลโดยทันที โดยให้เร่งประสานกับสถาบันเกษตรกรในพื้นที่เพื่อเข้าร่วมโครงการชะลอการจำหน่ายข้าวเปลือก รวมถึงจัดตลาดนัดข้าวเปลือกให้ครอบคลุมและทั่วถึง โดยต้องทำงานร่วมกับเกษตรกรอย่างใกล้ชิด เพื่อให้ความช่วยเหลือเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายอย่างแท้จริง
นอกจากนี้ ในการประชุมกับพาณิชย์จังหวัด พิชัยยังเน้นย้ำให้พาณิชย์จังหวัดกำกับดูแลการรับซื้อข้าวของผู้ประกอบการและโรงสีในพื้นที่ให้เป็นไปอย่างโปร่งใสและเป็นธรรมต่อเกษตรกร รวมถึงการจำหน่ายปัจจัยการผลิตที่สำคัญ เช่น ปุ๋ยและยาปราบศัตรูพืช ต้องเป็นไปตามกฎหมายและไม่ให้เกิดการเอาเปรียบเกษตรกร หากพบว่าพื้นที่ใดประสบปัญหาราคาตกต่ำให้รีบประสานกับกรมการค้าภายใน เพื่อหามาตรการกระจายผลผลิตออกนอกพื้นที่โดยเร็ว โดยรัฐบาลและกระทรวงพาณิชย์ให้ความสำคัญกับการดูแลเกษตรกรทุกภาคส่วน และจะดำเนินมาตรการช่วยเหลืออย่างเต็มที่ในทุกพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ โดยขอให้พี่น้องเกษตรกรมั่นใจว่า รัฐบาลพร้อมที่จะสนับสนุนและแก้ไขปัญหาอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อให้ราคาสินค้าเกษตรเป็นธรรมและสร้างรายได้ที่มั่นคงให้กับเกษตรกรไทย