วันนี้ (25 กุมภาพันธ์) ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) นายกรัฐมนตรี มีข้อสั่งการในการประชุม ดังนี้
นายกรัฐมนตรีพร้อมคณะจะลงพื้นที่ด่านพรมแดนตำบลคลองลึก ใกล้ตลาดโรงเกลือ อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับบ้านปอยเปต จังหวัดบันทายมีชัย ของประเทศกัมพูชา ในวันศุกร์ที่ 28 กุมภาพันธ์ 2568 เพื่อติดตามปัญหาเรื่องคอลเซ็นเตอร์ที่ได้รับความร่วมมือจากรัฐบาลกัมพูชา โดยนายกรัฐมนตรีระบุว่า ปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ รัฐบาลจะทำต่อเนื่องแบบ ‘ไม่จบไม่เลิก’ จัดการเด็ดขาด
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า อย่างที่ทราบกันดีว่าปัญหาคอลเซ็นเตอร์เป็นปัญหาที่กระทบต่อพี่น้องประชาชนคนไทยเป็นอย่างมากและเกิดผลกระทบเป็นวงกว้าง ไม่ใช่เฉพาะภายในประเทศเท่านั้น แต่เป็นปัญหาระหว่างประเทศ โดยที่ผ่านมาได้ติดตามการทำงานของทุกภาคส่วนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งถือว่าได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีในการจัดการปัญหาตามแนวชายแดนเมียนมา แต่เนื่องจากปัจจุบันปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ได้ขยายไปยังพื้นที่อื่นๆ เช่น ชายแดนลาวและกัมพูชา โดยขอให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมรายงานสถานการณ์ปัจจุบันและมาตรการในการป้องกันปัญหาต่อ ครม.
ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รายงานว่า ชายแดนฝั่งตะวันตกที่อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ได้ผลเป็นที่น่าพอใจ ได้ดำเนินการในส่วนของข้าราชการที่เกี่ยวข้อง โดยได้ลงโทษด้วยการโยกย้าย และตั้งกรรมการสอบเพื่อเอาผิดไปจำนวนหนึ่งแล้ว แต่ขณะเดียวกันฝ่ายสืบสวนคณะทำงานได้ติดตามตรวจสอบขยายผลว่ามีข้าราชการคนใดไปมีส่วนเกี่ยวข้องอีกบ้าง ซึ่งพบว่ายังมีอีกไม่น้อย ซึ่งกำลังรวบรวมเพื่อดำเนินการออกคำสั่งและลงโทษต่อไป
ในขณะที่การประสานงานกับฝั่งประเทศเมียนมาได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี แต่ขณะนี้อยู่ระหว่างการประสานเรื่องของการส่งผู้ต้องสงสัยจำนวนมากที่ทางฝั่งเมียนมาจับกุมมาหลายพันคน ซึ่งเป็นคนหลากหลายสัญชาติ ไม่เหมือนกับจีนที่เมื่อคัดกรองทำประวัติเสร็จ ทางการจีนสามารถส่งเครื่องบินมารับได้ ทั้งนี้รัฐบาลไทยได้ประสานงานอย่างใกล้ชิดเพื่อคัดกรองและแยกสัญชาติของกลุ่มคนเหล่านี้เพื่อแจ้งประเทศนั้นๆ ต่อไป
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมรายงานอีกว่า นับจากนี้จะติดตามการปฏิบัติงานในการแก้ไขปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในภาคเหนือของไทย ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับประเทศลาว ส่วนที่ประเทศกัมพูชา ขณะนี้ได้รับการประสานงานจากรัฐบาลกัมพูชา และการออกกวาดล้างจับกุม ซึ่งได้รับความร่วมมือที่ดีระหว่างสองประเทศ และจะนำมารายงานในที่ประชุม ครม. ต่อไป
ขณะที่ ประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม รายงานว่า ขณะนี้ได้ดำเนินการในส่วนของการตัดสัญญาณสื่อสารที่ผิดกฎหมายในทุกแนวชายแดนที่มีแก๊งคอลเซ็นเตอร์อยู่แล้ว และยังได้สั่งการให้ผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ทั้งของรัฐและเอกชนร่วมกันตรวจสอบ พร้อมทั้งลดความสูงของเสาส่งสัญญาณลง และหันสายอากาศกลับเข้ามาในประเทศไทย นอกจากนี้ยังจัดรถสายตรวจเพื่อสแกนความถี่โทรศัพท์มือถือที่ใช้ หากเป็นสัญญาณต่างประเทศเข้ามาในประเทศประเทศไทยก็จะบล็อกสัญญาณทันที