ผลนับคะแนนขั้นต้นอย่างไม่เป็นทางการในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเยอรมนีที่จัดขึ้นวานนี้ (23 กุมภาพันธ์) ปรากฏว่าพรรคฝ่ายค้าน CDU/CSU ซึ่งเป็นพรรคอนุรักษนิยมกลาง-ขวา มีคะแนนนำมาเป็นอันดับ 1 ที่ 28.5% ตามด้วยพรรคประชานิยมขวาจัด AfD ที่ได้คะแนน 20.8% ส่วนพรรค SPD ของ โอลาฟ โชลซ์ นายกรัฐมนตรี ได้คะแนนเป็นอันดับ 3 ที่ 16.4%
ฟรีดริช เมอซ์ (Friedrich Merz) ผู้นำพรรค CDU ประกาศชัยชนะในการเลือกตั้งท่ามกลางกลุ่มผู้สนับสนุนจำนวนมากที่ไปร่วมแสดงความยินดีในงานฉลองที่จัดขึ้นกลางกรุงเบอร์ลิน โดยเขาประกาศเริ่มการฉลองและกล่าวว่า เขาตระหนักดีถึงความรับผิดชอบที่รออยู่ข้างหน้า พร้อมทั้งเตือนการเจรจาจัดตั้งรัฐบาลผสมหลังจากนี้ที่อาจดำเนินไปอย่างยาวนานกว่าที่จะสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้
ขณะที่เขาปฏิเสธแนวคิดการจับมือตั้งรัฐบาลผสมกับพรรค AfD โดยเน้นย้ำว่าแนวนโยบายของทั้งสองพรรคไม่สอดคล้องในทิศทางเดียวกัน ซึ่งเป็นไปได้ว่าพรรค CDU อาจจับมือกับพรรค SPD หรือพรรค Greens ที่ได้คะแนนมาเป็นอันดับ 4
ผลการเลือกตั้งที่ออกมาสะท้อนความสำเร็จของพรรค CDU ที่ประกาศนโยบายระหว่างหาเสียง โดยมุ่งเน้นการจัดการปัญหาเศรษฐกิจและปัญหาผู้อพยพ รวมถึงการฟื้นความมั่นคงของยุโรป
โดยเมอซ์ซึ่งไม่เคยดำรงตำแหน่งในรัฐบาลมาก่อนเตรียมรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเยอรมนีคนใหม่ ท่ามกลางสภาพเศรษฐกิจของประเทศที่กำลังย่ำแย่ และถูกห้อมล้อมด้วยความท้าทายอีกมากมาย รวมทั้งสถานการณ์ภูมิรัฐศาสตร์จากท่าทีแข็งกร้าวของสหรัฐฯ ภายใต้รัฐบาล โดนัลด์ ทรัมป์ และการเผชิญหน้ากับจีนและรัสเซีย
พายุโรปเป็นอิสระจากสหรัฐฯ
ขณะที่เมอซ์กล่าวย้ำถึงการเสริมความแข็งแกร่งและความสามัคคีในสหภาพยุโรป พร้อมทั้งประกาศจะช่วยให้ยุโรปมี ‘อิสรภาพอย่างแท้จริง’ จากสหรัฐฯ
โดยเขายังวิจารณ์ท่าทีของรัฐบาลทรัมป์ในการแสดงความคิดเห็นต่อการเลือกตั้งของเยอรมนี และเปรียบเทียบกับการแทรกแซงของรัสเซีย และชี้ว่าทรัมป์แสดงให้เห็นว่ารัฐบาลสหรัฐฯ นั้นไม่ได้สนใจชะตากรรมของชาติยุโรปแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม ทรัมป์โพสต์ข้อความแสดงความยินดีต่อผลการเลือกตั้งของเยอรมนีที่ออกมา โดยระบุว่าชาวเยอรมันเองก็เบื่อหน่ายกับปัญหาต่างๆ ทั้งเรื่องพลังงานและปัญหาผู้อพยพ
“เช่นเดียวกับสหรัฐฯ ชาวเยอรมันเบื่อหน่ายกับวาระที่ไร้สามัญสำนึก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องพลังงานและการย้ายถิ่นฐาน ซึ่งมีมายาวนานหลายปี”
ภาพ: Angelika / Reuters
อ้างอิง: