มาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยความคืบหน้าการประชุมคณะไตรภาคีระหว่างไทย จีน และเมียนมา ที่กระทรวงการต่างประเทศ จะต้องเป็นเจ้าภาพดำเนินการว่า จะมีการประชุมในเร็วๆ นี้ เพื่อกำหนดรูปแบบในการแก้ปัญหาขบวนการอาชญากรข้ามชาติ สแกมเมอร์ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ รวมถึงการกระทำผิดข้ามชาติในรูปแบบอื่นๆ ให้เป็นรูปธรรมระยะยาว ซึ่งมั่นใจว่ากลไกไตรภาคีนี้จะเป็นความร่วมมือของ 3 ประเทศที่จะสามารถแก้ปัญหานี้ร่วมกันต่อไปได้
มาริษยังย้ำถึงการผลักดันและความพยายามขับเคลื่อนการแก้ปัญหาขจัดขบวนการอาชญากรรมข้ามชาติดังกล่าวอย่างจริงจังของรัฐบาลไทยมาโดยตลอด จึงทำให้ทางการจีนได้ประสานงานตามกรอบความร่วมมือของหน่วยงานด้านความมั่นคงระหว่างไทยและจีน เพื่อส่งผู้แทนมาร่วมปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในประเทศเพื่อนบ้านไทยให้สิ้นซาก เพราะการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติและการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์บริเวณชายแดนไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน ต้องอาศัยความร่วมมือกับประเทศที่เกี่ยวข้องอย่างเข้มข้น และไทยพร้อมรับความร่วมมือจากทุกประเทศมาร่วมกันจัดการกับปัญหานี้อย่างจริงจัง ภายใต้การกำกับดูแลของรัฐบาลไทย
ขณะที่เขายังได้ย้ำถึงบทบาทและการดำเนินการของรัฐบาล และกระทรวงการต่างประเทศที่ผลักดันและพยายามขับเคลื่อนการแก้ปัญหาและขจัดขบวนการอาชญากรรมข้ามชาติดังกล่าว ผ่านเวทีการหารือร่วมกับผู้นำต่างประเทศ รวมถึงประเทศที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะเมียนมาและจีน ในห้วงการประชุมกรอบความร่วมมือต่างๆ ที่เกิดขึ้นตลอดในห้วงเวลาที่ผ่านมา เช่น การหารือระหว่างรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของไทย เมียนมา และอินเดีย ในห้วงการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศบิมสเทคอย่างไม่เป็นทางการ เมื่อกลางเดือนกรกฎาคม 2567 ที่กรุงนิวเดลี ประเทศอินเดีย ซึ่งในครั้งนั้นตนเองได้สนับสนุนความร่วมมือกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ในการจำกัดการแพร่ขยายของอาชญากรรมไซเบอร์และการลักลอบค้าอาวุธ และอินเดียก็มีศักยภาพที่จะร่วมมือกันป้องกันและปราบปรามปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติดังกล่าวได้ และไทยก็จะร่วมมือกับเมียนมาในการช่วยเหลือเหยื่อค้ามนุษย์
หรือแม้แต่การประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศ ตามกรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง หรือ MLC ที่จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อเดือนสิงหาคม 2567 ซึ่งถือเป็นกรอบความร่วมมือสำคัญ ที่มีทั้งไทย เมียนมา และจีน ซึ่งได้รับผลกระทบจากขบวนการหลอกลวงทางอินเทอร์เน็ต ร่วมเป็นสมาชิกในกรอบความร่วมมือนี้ด้วย และรัฐบาลไทยได้ยกปัญหาดังกล่าวเป็นปัญหาเร่งด่วน เพราะกระทบต่อความปลอดภัยของประชาชน จึงได้เสนอแถลงการณ์ร่วม ว่าด้วยการเสริมสร้างความร่วมมือในการปราบปรามอาชญากรรมข้ามพรมแดนภายใต้กรอบ MLC ตามที่รัฐบาลไทยเสนอ และที่ประชุมมีมติรับรองแถลงการณ์ดังกล่าว
ที่สำคัญโดยเฉพาะการประชุมหารืออย่างไม่เป็นทางการระหว่างเมียนมากับประเทศเพื่อนบ้าน หรือ 6-Country Informal Consultation เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2567 และการประชุมหารืออย่างไม่เป็นทางการแบบขยาย (Extended Informal Consultation: EIC) เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2567 ซึ่งจัดขึ้นที่กรุงเทพฯ มาริษระบุว่า สองการประชุมดังกล่าว ตนเองได้สนับสนุนให้เกิดความร่วมมือในการส่งเสริมสันติภาพและความมั่นคงบริเวณชายแดน รวมถึงต่อสู้กับอาชญากรรมข้ามพรมแดน โดยเฉพาะปัญหาลักลอบค้ายาเสพติดและการหลอกลวงทางออนไลน์ ซึ่งเป็นประเด็นสำคัญสำหรับอาเซียนด้วย
โดยที่รัฐบาลไทยให้ความสำคัญกับการเร่งแก้ไขปัญหาดังกล่าว และล่าสุดในการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนอย่างไม่เป็นทางการ เมื่อวันที่ 19 มกราคมที่ผ่านมา ที่เมืองลังกาวี ประเทศมาเลเซีย ตนเองก็ได้ย้ำว่า ไทยจะเพิ่มความพยายามในการปกป้องประชาชนจากภัยคุกคาม โดยเฉพาะการลักลอบค้ายาเสพติดและการหลอกลวงทางออนไลน์ เป็นต้น ซึ่งการแสดงบทบาทของไทยที่ได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องเหล่านี้ เป็นส่วนที่ทำให้การปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ สแกมเมอร์ หรือแก๊งคอลเซ็นเตอร์ มีผลความคืบหน้าอย่างเป็นรูปธรรม
อ้างอิง:
- กระทรวงการต่างประเทศ