วันนี้ (18 กุมภาพันธ์) ชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย เปิดเผยถึงความคืบหน้าการแก้ไขรัฐธรรมนูญด้วยรัฐสภาว่า ในวันนี้จะขออนุมัติในที่ประชุม สส. พรรคเพื่อไทย เพื่อส่งญัตติให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยประเด็นว่า รัฐสภามีอำนาจวินิจฉัยร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคเพื่อไทยและพรรคประชาชนหรือไม่ โดยไม่ต้องทำประชามติก่อน ซึ่งแตกต่างจากญัตติที่ นพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ สมาชิกวุฒิสภา (สว.) เคยเสนอ
ทั้งนี้ มี สส. เพื่อไทย ร่วมเข้าชื่อในญัตติดังกล่าวเกินกว่า 40 คน และคาดว่าจะเสนอให้ประธานรัฐสภาเพื่อบรรจุเข้าระเบียบวาระในวันพรุ่งนี้ (19 กุมภาพันธ์) จากนั้นประธานรัฐสภาจะเรียกประชุมร่วมเพื่อพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่ง สส. พรรคเพื่อไทย จะเสนอเลื่อนญัตตินี้ขึ้นมาพิจารณาก่อน ต้องดูว่าที่ประชุมรัฐสภาเห็นชอบหรือไม่
ชูศักดิ์ยืนยันว่า การจัดส่งญัตติดังกล่าวไปให้ศาลรัฐธรรมนูญได้นั้นต้องบรรจุเข้าระเบียบวาระการประชุมร่วมกันของรัฐสภา ส่วนสาเหตุที่ไม่ใช้ญัตติของ นพ.เปรมศักดิ์ เพื่อทำให้เห็นว่ามีความแตกต่าง
“ของพรรคเพื่อไทยแตกต่างกันตรงที่เราถามฟันธง แต่ของ นพ.เปรมศักดิ์ ถามถึงอนาคตด้วย” ชูศักดิ์ระบุ
อย่างไรก็ตาม หากสุดท้ายแล้วศาลรัฐธรรมนูญไม่รับคำร้องไว้พิจารณาเหมือนครั้งที่พรรคเพื่อไทยเคยยื่นถามจำนวนครั้งการทำประชามติ ชูศักดิ์ตอบว่า “ถ้าเป็นอย่างนั้นคงไม่มีทางอื่น แต่ก็ต้องดูว่าศาลไม่รับวินิจฉัยเพราะอะไร”
ส่วนหากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้ทำประชามติ 3 ครั้ง ประธานรัฐสภาที่บรรจุวาระและ สส. ที่เสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญจะมีความผิดสำเร็จหรือไม่ ชูศักดิ์กล่าวว่า เป็นอำนาจหน้าที่ของรัฐสภา เพราะเราดำเนินการตามรัฐธรรมนูญ คือเข้าชื่อถูกต้อง เสนอแก้ไขมาตรา 256 ไม่ได้เปลี่ยนแปลงรูปแบบของรัฐ และไม่ได้ล้มล้างการปกครอง ที่ผ่านมามีการใช้แนวทางอื่นเป็นเครื่องมือทางการเมืองมาห้ำหั่นกัน เรียกว่านิติสงคราม
“หรืออย่างที่ผมเคยพูดว่า หาเรื่องโดยใช่เหตุ อยู่ดีๆ เรามีอำนาจ ก็ชอบไปร้องกัน ติดนิสัยกันมา” ชูศักดิ์กล่าว
ส่วนหากศาลรัฐธรรมนูญรับวินิจฉัยญัตติของพรรคเพื่อไทย และถ้าคำวินิจฉัยออกมาเป็นคุณ คิดว่าเป้าหมายในการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะหวังถึงเพียงใดนั้น ชูศักดิ์กล่าวว่า ก็อยากให้เสร็จทั้งฉบับเพื่อที่เราจะได้มีรัฐธรรมนูญใหม่เสียที หรือถ้าไม่ทัน ขั้นต่ำที่สุดก็อยากให้มีสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.)
รวมไทยสร้างชาติย้ำจุดยืนเดิม ยึดตามคำวินิจฉัย
ด้าน เอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม และเลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ กล่าวถึงจุดยืนการแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรครวมไทยสร้างชาติว่า วันนั้นเราได้ประกาศไปแล้ว และต้องดูว่าทำอะไรอย่าให้ผิดกฎหมาย เพราะเรื่องนี้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยไปแล้ว ควรไปดูคำวินิจฉัยก่อนจะต้องทำประชามติหรือไม่ ในกรณีที่มีการแก้มาตรา 256
“พรรครวมไทยสร้างชาติ เราไม่เคยหาเสียงเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญ เนื่องจากเป็นข้อตกลงของพรรคร่วมรัฐบาล ซึ่งพรรครวมไทยสร้างชาติยืนยันว่าไม่แตะหมวด 1 และ 2 กับส่วนที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตประพฤติมิชอบ จะแก้บางมาตราหรือแก้เกือบทั้งหมดก็จะต้องพิจารณาไปตามความเหมาะสม”
ส่วนจุดยืนจะทำประชามติกี่ครั้งนั้น เอกนัฏหัวเราะก่อนกล่าวว่า “ตามคำวินิจฉัยศาลสิครับ ทำไมจะต้องมาตีความ เพราะในรัฐธรรมนูญมีระบุเป็นลายลักษณ์อักษรชัด และเรื่องนี้ได้ส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยแล้ว คิดว่าถ้ามีอะไรเปลี่ยนก็ส่งไปได้ เพราะคำวินิจฉัยผูกมัดทุกองค์กร”
ส่วนจะต้องเคลียร์กันก่อนในวันดินเนอร์พรรคร่วมรัฐบาลหรือไม่นั้น ยังไม่ทราบ แต่คุยอย่างไรผลก็เหมือนเดิม เพราะคุยกันหลายรอบแล้ว เคยยืนยันกับพรรคร่วมรัฐบาลทั้งหมดว่าจุดยืนของพรรครวมไทยสร้างชาติเราเหมือนเดิม