วันนี้ (12 กุมภาพันธ์) สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ประทานพระคติธรรมเนื่องในวันมาฆบูชา 2568 ความว่า
ดิถีมาฆบูชาได้เวียนมาบรรจบอีกคำรบหนึ่งแล้ว ดิถีเช่นนี้ชวนให้พุทธบริษัทน้อมรำลึกถึงเหตุการณ์ที่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงโอวาทปาติโมกข์ประทานแก่พระอรหันตสาวก 1,250 รูป ซึ่งล้วนอุปสมบทโดยวิธีเอหิภิกขุ เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น ณ ดิถีเพ็ญเดือน 3 ที่เรียกอีกอย่างว่าวันจาตุรงคสันนิบาต
วันจาตุรงคสันนิบาตอาจเตือนใจพุทธศาสนิกชนให้น้อมรำลึกถึงโอวาทปาติโมกข์ ซึ่งสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าประทานวิธีการประกาศพระศาสนา อันนักเผยแผ่และผู้สดับธรรมะพึงน้อมนำมาเป็นวิถีทางประพฤติแห่งตน กล่าวคือ อนูปวาโท การไม่พูดร้าย 1 อนูปฆาโต การไม่ทำร้าย 1 ซึ่งทั้งสองวิธีการนี้ล้วนประมวลอยู่ในกุศลกรรมบถทั้งสิ้น
ทั้งนี้ สังคมไทยและสังคมโลกในปัจจุบันถูกขับเคลื่อนไปบนกระแสชี้นำตามกลไกการสื่อสารอันรวดเร็วฉับไว ผู้คนจำนวนมากมักพอใจในความสะดวก รวดเร็ว และง่ายดาย จนอาจมักง่าย ละเลยกระบวนการอันสุขุม รอบคอบ และชอบธรรม
นำไปสู่การทำร้ายกันโดยกายทุจริตและการกล่าวร้ายกันโดยวจีทุจริต ย้อมจิตให้เสพคุ้นกับเนื้อความและรูปแบบอันก่อโทษ ประทุษร้าย หยาบกระด้าง เป็นเท็จ ส่อเสียด และเพ้อเจ้อ จนรู้สึกด้านชา หลงว่าอกุศลเป็นความดี หลงว่าความทุจริตเป็นเรื่องปรกติ ซึ่งนับเป็น อันตรายอย่างยิ่งต่อการพัฒนาตนตามหลักพระพุทธศาสนา
ณ โอกาสนี้ จึงขอเชิญชวนให้สาธุชนจงหมั่นเตือนตนด้วยตนเอง อย่าได้ย่อหย่อนในการขัดเกลากาย วาจา และใจ ให้คุ้นชินกับความประณีต อ่อนโยน สุภาพ และสุขุม เพื่อช่วยกันเหนี่ยวรั้งสังคมให้หนักแน่นอยู่บนหลักการไม่ทำร้ายและไม่พูดร้าย อันเป็นวิธีการรักษาและเผยแผ่พระศาสนาตามพระธรรมวินัย เพื่อให้ได้ชื่อว่าเป็นผู้มีความกตัญญูกตเวทีและได้พลีอุทิศตนเป็นปฏิบัติบูชาต่อพระบรมครูผู้ประเสริฐอย่างแท้จริง
ขอพระสัทธรรมของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าดำรงคงมั่นอยู่ในโลกนี้ตลอดกาลนาน และขอสาธุชนทั้งหลายจงถึงพร้อมด้วยความอดทนและหมั่นเพียร ในอันที่จะศึกษาและเผยแผ่พระสัทธรรมนั้น เพื่อบรรลุถึงความรุ่งเรืองสถาพรสืบไป เทอญ