ตี๋-พัฒนพงศ์ รานุรักษ์ หนึ่งใน Board of Director ของ divana เล่าถึงการเติบโตของแบรนด์ว่า “นับจากจุดเริ่มต้น ในช่วงแรกเป็นช่วงที่เรียกว่า From Massage to Spa จากการมองเห็นเทรนด์ของธุรกิจสปา ซึ่งประเทศไทยเราแข็งแรงในศาสตร์การนวด และเรามองภาพ divana ณ วันนั้นไปพร้อมกับประเมินศักยภาพของตัวเราว่าสามารถสร้างคุณค่า (Value) จากสิ่งที่มีอยู่ และเติมเต็มให้เกิดธุรกิจ Luxury Spa ที่ได้มาตรฐาน ด้วยการนำประสบการณ์การทำงานด้านบริการของสายการบินระดับชาติมาเชื่อมโยง ซึ่งไม่ง่าย แต่เราสู้และตั้งใจทำงานอย่างหนักในช่วง 10 ปีแรก
“จนมาถึงยุคที่สอง From Spa to Wellness เรามองเห็นโอกาสที่จะผสมผสานการดูแลสุขภาพแบบองค์รวมเข้ากับการทำ Luxury Spa การมาใช้บริการ divana จึงไม่ใช่เพียงการผ่อนคลาย แต่ยังเติมเต็มในเรื่องของอารมณ์ สุนทรียะ และความงามได้ด้วย” พัฒนพงศ์กล่าวถึงวิสัยทัศน์ที่ผลักดัน divana สู่การเป็นผู้นำธุรกิจ Luxury Spa แห่งเอเชีย
เมื่อ THE STANDARD LIFE ถามว่าอะไรคือความท้าทายที่สุดในการสร้างกลิ่นที่ตอบโจทย์ทั้ง Luxury และ Sustainability ในเวลาเดียวกัน พัฒนพงศ์ให้คำตอบกับเราว่า “divana มองว่า Luxury ไม่ได้จำกัดอยู่เพียงความหรูหราภายนอก แต่เป็นมายด์เซ็ต การผสานความยั่งยืนเข้ากับวิถีชีวิตอย่างกลมกลืน โดยมีกรอบความคิดที่อยากเห็นสังคมและธรรมชาติดีขึ้นเป็นหัวใจสำคัญ”
สำหรับความท้าทาย พัฒนพงศ์คิดว่าหลักๆ มี 2-3 ด้านด้วยกัน ได้แก่
- การคัดสรรวัตถุดิบ การเลือกส่วนผสมที่มีคุณภาพสูง ที่คำนึงถึงแหล่งที่มาที่ยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เช่น การเลือกพืชที่ปลูกโดยไม่ใช้สารเคมี หรือการสนับสนุนโครงการที่อนุรักษ์พื้นที่ป่า
- บรรจุภัณฑ์ การออกแบบบรรจุภัณฑ์ที่สะท้อนถึงความ Luxury และใส่ใจสิ่งแวดล้อมไปพร้อมๆ กันเป็นเรื่องที่ท้าทาย ต้องเลือกใช้วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สามารถรีไซเคิลได้ หรือใช้วัสดุจากธรรมชาติที่สามารถย่อยสลายได้ แต่ยังคงความสวยงามและคงทน เราจึงไม่ได้มองบรรจุภัณฑ์มีหน้าที่แค่ห่อหุ้มผลิตภัณฑ์ แต่เป็นตัวแทนของแบรนด์ divana ที่สื่อถึงความใส่ใจต่อโลก
- การสื่อสาร การสื่อสารเรื่องความยั่งยืนเป็นอีกเรื่องที่ท้าทาย divana เชื่อว่าผู้บริโภคในยุคปัจจุบันไม่ได้มองหาแค่ผลิตภัณฑ์ที่ดี แต่ยังต้องการผลิตภัณฑ์ที่ดีต่อโลก เราจึงต้องพยายามสื่อสารเพื่อให้ผู้บริโภคเข้าใจถึงคุณค่าและความพิเศษของผลิตภัณฑ์ ที่ไม่ได้มีดีแค่กลิ่น แต่ยังใส่ใจต่อโลกใบนี้ด้วย
ขณะที่ ตง-ธเนศ จิระเสวกดิลก อีกหนึ่ง Board of Director มองไปถึงอนาคตของธุรกิจว่า “มีการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาใช้กับการทำ Luxury Spa และผลิตภัณฑ์เครื่องหอม เพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำของ divana ให้มีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น ซึ่งหลังจากนี้กับวาระก้าวสู่ปีที่ 25 เราต้องการก้าวไปไกลกว่านั้น ด้วยการพูดถึง From Wellness to Longevity นี่ไม่ใช่ยุคที่ผู้คนไม่อยากเจ็บไข้ได้ป่วยเพียงอย่างเดียว แต่ต้องการมีชีวิตที่ยืนยาวขึ้น เพราะเทคโนโลยีเข้ามาช่วยเติมเต็ม ทำให้คนแข็งแรงและสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น รวมถึงแก้ปัญหาได้ตรงจุด
“มีการพูดกันว่าเด็ก Gen Beta ที่เกิดในปีนี้สามารถมีอายุยืนยาวได้ถึง 120 ปี เพราะฉะนั้นคงไม่ใช่แค่เรื่องการดูแลรักษาสุขภาพ แต่ยังเป็นเรื่องของคุณค่าในการมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี เราจะมีชีวิตที่ยืนยาวอยู่บนพื้นฐานของร่างกายที่แข็งแรงและสมบูรณ์ รวมถึงจิตใจและอารมณ์ จากสถิติพบว่าปัจจุบันมีคนเป็นโรคซึมเศร้าเยอะ สิ่งที่จะช่วยให้เขาหายป่วยคือการตื่นรู้และตระหนักในปัญหาสุขภาพ รวมถึงการตื่นนอนขึ้นมาอย่างมีพลังในการออกไปใช้ชีวิต divana ต้องการทำเรื่อง Longevity Life ให้ทุกคนมีความสุขจากความสมบูรณ์ของร่างกายและจิตใจ รวมไปถึงจิตวิญญาณ
“ทำให้ divana มีแผนที่จะพัฒนาผลิตภัณฑ์หรือบริการเพื่อรองรับเทรนด์นี้ตั้งแต่เนิ่นๆ โดยให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพในระยะยาว จึงมุ่งมั่นพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการที่ตอบโจทย์ ปัจจุบัน divana มีผลิตภัณฑ์และบริการที่ช่วยลดความเครียด ส่งเสริมการนอนหลับ และสร้างสมดุลทางอารมณ์ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญต่อการมีสุขภาพที่ดีและอายุยืน ในขณะเดียวกัน divana มองไกลกว่าการดูแลสุขภาพเพียงอย่างเดียว เพราะเราเชื่อว่าเมื่อผู้คนมีอายุยืนยาวขึ้น การมีสุขภาพที่ดีเป็นเพียงองค์ประกอบหนึ่งของการมีชีวิตที่สมบูรณ์ divana จึงมุ่งมั่นพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่สร้างสมดุลระหว่างความเป็นอยู่ที่ดีของตัวเราและความยั่งยืนของโลกไปพร้อมๆ กัน เราจึงให้ความสำคัญกับการดูแลทั้งสุขภาพและการรักษาสมดุลของธรรมชาติอย่างเกื้อกูล เพื่อสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่ส่งผลดีต่อทั้งตนเองและสังคมอย่างยั่งยืน”
ล่าสุด divana เปิดตัว Perfume Oil 5 กลิ่นใหม่ที่ได้แรงบันดาลใจจากปรากฏการณ์ธรรมชาติ ประกอบด้วย Sunrise กลิ่นหอมสดชื่นของยามรุ่งอรุณ, Queen of The Night ความงามของดอกไม้ราตรี, Snow Drop ความสดใสของเกล็ดหิมะแรก, Laguna ความสงบของทะเลสาบ และ Foresta กลิ่นอายของผืนป่าอันอุดมสมบูรณ์
น้ำหอมคอลเล็กชันนี้ไม่เพียงตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ที่ใส่ใจสุขภาพและสิ่งแวดล้อม แต่ยังสามารถผสมผสานกันได้อย่างลงตัว สร้างเอกลักษณ์เฉพาะตัว พร้อมคำนึงถึงผู้ที่มีผิวแพ้ง่าย สะท้อนปรัชญาของแบรนด์ที่มุ่งสู่ความยั่งยืนในทุกมิติ ทั้งด้านสุขภาพ สังคม และสิ่งแวดล้อม
ภาพ: Courtesy of divana
