วันนี้ (29 มกราคม) ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรครั้งที่ 12 (สมัยสามัญประจำปี ครั้งที่ 2) กัณวีร์ สืบแสง สส. แบบบัญชีรายชื่อ พรรคเป็นธรรม ขอหารือต่อที่ประชุมเกี่ยวกับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงนโยบายทรัมป์ 2.0 ด้านความหลากหลาย ความเท่าเทียม และผสมกลมกลืน
กัณวีร์ชี้ว่า นโยบายนี้ของ โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ส่งผลกระทบต่อค่ายผู้ลี้ภัย 9 แห่งที่อยู่ในประเทศไทย จากการเปลี่ยนนโยบายทำให้เงินบริจาคไปยังต่างประเทศถูกระงับลง โดยรัฐบาลสหรัฐฯ ที่บริจาคให้องค์กรภาคประชาสังคมและองค์กรระหว่างประเทศในค่ายผู้ลี้ภัยถูกระงับลง ทำให้ไม่สามารถเข้าถึงการรักษาพยาบาล
“ผลกระทบจะหนักกว่านี้ เพราะในไทยเรามี 9 แห่ง เราเห็นว่าเป็นผู้ลี้ภัยสัญชาติเมียนมาก็จริง แต่ถ้าหนักกว่านี้ หากการช่วยเหลือถูกตัดลงจะทำให้คนกว่า 80,000 คนต้องออกมาข้างนอก และกระทบต่อประชาชนคนไทย” กัณวีร์ระบุ
กัณวีร์กล่าวว่า อยากให้คำนึงถึงศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ที่พวกเขาต้องแบมือขอมากว่า 40 กว่าปี รอเงินบริจาคต่างๆ ดังนั้นไทยเราต้องเปลี่ยนแปลง ถือโอกาสตรงนี้ทำให้เราสามารถช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมให้เขายืนด้วยขาตัวเองได้
“ผมจึงขอให้นายกรัฐมนตรีเปลี่ยนแปลงนโยบายในการดูแลผู้ลี้ภัย การดูแลค่ายผู้ลี้ภัยทั้งที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน 4 แห่ง จังหวัดตาก 3 แห่ง จังหวัดราชบุรี 1 แห่ง และขอให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยใช้ พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ. 2522 มาตรา 17 ให้ผู้ลี้ภัยสามารถทำงานได้และอยู่ในไทยได้ชั่วคราว”
กัณวีร์กล่าวด้วยว่า นอกจากนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย จะขอหารือไปยังรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เพื่อให้ประกาศกฎกระทรวงออกมาให้ผู้ลี้ภัยทำงานในไทยได้จนกว่าจะแก้ปัญหาอย่างยั่งยืนได้ ถ้าเขาทำงานได้ จะทำเงินภาษีให้ไทย ร่วมพัฒนาประเทศไทย และเข้าถึงสวัสดิการต่างๆ ด้วยตัวเขาเอง ไม่เป็นภาระ
“ต้องเปลี่ยนภาระให้เป็นพลังให้ได้ ทำให้ไทยเรามีบทบาทที่ดีบนเวทีระหว่างประเทศได้” กัณวีร์กล่าว