Toys“R”Us แบรนด์ผู้จำหน่ายของเล่นระดับโลกที่เปรียบเสมือนแดนสวรรค์แห่งความสุขสำหรับเด็กๆ เคยเจอปัญหาความท้าทายจนเกือบจะต้องยุติกิจการ โดยเฉพาะในตลาดสหรัฐฯ และสหราชอาณาจักรที่เผชิญกับพิษการแข่งขันรุนแรงจากหลายทิศทางจนบริษัทต้องยื่นล้มละลายในปี 2017 และปิดสาขาไปหลายแห่งในประเทศเหล่านั้น
แต่ด้วยโครงสร้างบริษัทที่ต่างกัน ในส่วนของ Toys“R”Us Asia นั้นสามารถที่จะทำธุรกิจต่อไปได้ เนื่องจากกลยุทธ์และการดำเนินงานที่แยกตัวออกจากบริษัทแม่ในสหรัฐฯ
อย่างไรก็ตาม ใช่ว่าปัจจุบัน Toys“R”Us Asia จะไม่ปรับตัวและฟื้นฟูแบรนด์ของตนใหม่ เพราะเทรนด์โลกได้เปลี่ยนไปแล้ว โดยหนึ่งปัจจัยความท้าทายสำคัญคืออัตราการเกิดใหม่ของประชากร ซึ่งประเทศไทยก็กำลังเจอกับปรากฏการณ์ดังกล่าว
ลีโอ ซอย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Toys“R”Us Asia กล่าวถึงทิศทางของบริษัทท่ามกลางความท้าทายปัจจุบันว่า “เราต้องปรับตัวและพัฒนาธุรกิจให้หลากหลายสดใหม่ ซึ่งเราต้องการไปไกลกว่าผู้ขายของเล่น แต่เป็นปลายทางให้กับทุกคน ทั้งกลุ่มครอบครัว กลุ่มคนทำงาน และนักท่องเที่ยว”
ทิศทางของ Toys“R”Us Asia ต่อจากนี้จะไม่ใช่แค่ ‘ร้านขายของเล่น’ อีกแล้ว แต่เป็นที่ให้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ได้พบกับความสนุก โดยหนึ่งในกลุ่มลูกค้าที่กำลังมาแรงและมีศักยภาพขับเคลื่อนการเติบโตของธุรกิจก็คือ ‘Kidult’ หรือผู้ใหญ่ที่ยังมีใจรักของเล่น โดยในประเทศไทยประชากรกว่า 40% ก็อายุต่ำกว่า 35 ปี ซึ่งทางบริษัทมองว่าลูกค้ากลุ่มนี้คือกลุ่มเป้าหมายหลัก
ปัจจุบันลูกค้ากลุ่ม Kidult คิดเป็นประมาณ 1 ใน 8 ของรายได้ Toys“R”Us Asia ทั้งหมด แต่ลีโอยังเห็นการเติบโตในตลาดกลุ่มนี้อีกมากในอนาคต โดยเขาคาดว่าสัดส่วนน่าจะเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 1 ใน 3 ของธุรกิจทั้งหมด แต่ไม่ได้ระบุชัดเจนว่าจะเกิดขึ้นเมื่อไร
ในส่วนของตลาด Kidult สินค้าหลักที่จะเข้ามาเจาะตลาดลูกค้ากลุ่มนี้ที่ Toys“R”Us Asia มองไว้คือ
- สินค้าแฟชั่นที่ร่วมมือกับนักออกแบบและศิลปินจากวงการ pop culture
- สินค้าสะสม เช่น ฟิกเกอร์รุ่นลิมิเต็ด, โมเดล และของที่ระลึกจากแบรนด์ยอดนิยมต่างๆ เช่น หมวก Transformers
- สินค้าที่ใช้ได้จริง หมายถึงสินค้าที่มีฟังก์ชันและใช้งานได้ในชีวิตประจำวัน และยังให้ความสนุก
นอกจากนี้ลีโอยังย้ำถึงความสำเร็จของสินค้ายอดนิยมในหมู่ Kidult อย่างกล่องสุ่ม (Blind Box) และสินค้ารุ่นลิมิเต็ดที่ถูกปลุกกระแสผ่านสื่อโซเชียลต่างๆ
สำหรับภาพรวมของประเทศไทย ลีโอมองว่าไทยยังเป็นตลาดสำคัญระดับภูมิภาค เนื่องจากการขยายตัวของสังคมเมืองและทัศนคติโดยรวมที่กลุ่มลูกค้าวัยรุ่นหรือวัยผู้ใหญ่ช่วงต้นยังคงให้ความสนใจกับของเล่นสะสมในระดับที่สูง ซึ่งทางบริษัทประเมินว่าตลาดของเล่นและเกมในประเทศไทยมีแนวโน้มจะเติบโตเฉลี่ยที่ 7.5% ต่อปีในอีก 5 ปีข้างหน้า
“เป้าหมายของเรา (Toys“R”Us Asia) คือการมอบความสุขกับผู้คนให้ได้มากที่สุด ซึ่งต้องทำด้วยวิธีใหม่และวิธีที่ลูกค้าคาดไม่ถึง” ลีโอกล่าวทิ้งท้าย
