×

อาหมัด ดิยัลโล เรียกผมว่าพระเอกได้หรือยัง?

17.01.2025
  • LOADING...
อาหมัด ดิยัลโล

เป็นเวลาร่วม 80 นาทีที่แฟนในสนามโอลด์แทรฟฟอร์ด รวมถึงสาวกปีศาจแดงทั่วโลก ได้แต่ถอนหายใจกับฟอร์มการเล่นของทีมตัวเอง ที่ส่อเค้าจะเข้าลูปพ่ายคาบ้านอีกแล้ว แถมยังเป็นทีมบ๊วยอย่างเซาแธมป์ตันที่กำลังจะติดคอด้วย

 

แต่แล้วสถานการณ์ก็ได้สร้างวีรบุรุษขึ้นมา เมื่อ อาหมัด ดิยัลโล ลากเลื้อยก่อนทำประตูตีเสมอให้ทีมได้สำเร็จเป็น 1-1 เท่านั้นไม่พอ ยังบวกได้อีก 2 ประตู กลายเป็นการทำแฮตทริกให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เก็บชัยชนะได้สำเร็จ 3-1

 

นี่เป็นแฮตทริกแรกของดาวเตะวัย 22 ปีกับต้นสังกัดใหม่ และแน่นอนว่าเป็นวันที่สวยงามที่สุดในชีวิตของเขา

 

โดยเฉพาะเมื่อเราหันหลังกลับไปมองเรื่องราวที่มาที่ไปทั้งหมด อาหมัดผ่านอะไรมาไม่น้อยเลย

 

จากเมืองอาบิดจานในไอวอรีโคสต์ สู่แบร์กาโม กลาสโกว์ ซันเดอร์แลนด์ และแมนเชสเตอร์

 

ชีวิตของ อาหมัด ดิยัลโล นั้นเริ่มต้นลมหายใจแรกที่เมืองอาบิดจาน แต่ชีวิตนั้นเริ่มต้นจริงๆ เมื่อเขาอพยพมาค้นหาความหวังใหม่ในประเทศอิตาลี

 

โดยที่ความเป็นมาของเขาซับซ้อน เพราะคนที่บอกว่าเป็นพ่อและแม่อย่าง ตราโอเร ฮาเหม็ด มามาดู และ เตเฮอร์ มารินา เอ็ดวิก คารีน นั้นไม่ได้เป็นพ่อและแม่แท้ๆ ของเขาตามเอกสารราชการรับรอง

 

แต่ทั้งสองคนก็เป็นผู้ปกครองที่เลี้ยงดูอาหมัดจริงๆ

 

เรื่องนี้ไม่เคยเป็นที่กล่าวมาถึงก่อน จนกระทั่งมีการไต่สวนจากสหพันธ์ฟุตบอลอิตาลีเกี่ยวกับเรื่องปูมหลังของอาหมัด ซึ่งเริ่มเติบโตและฉายแววความเก่งกาจในเชิงลูกหนังมาตั้งแต่เด็ก โดยเริ่มจากโอกาสกับทีมโบคา บาร์โค หนึ่งในสโมสรเก่าของ ดิเอโก อาร์มันโด มาราโดนา เทพเจ้าลูกหนังชาวอาร์เจนไตน์ผู้ยิ่งใหญ่ ก่อนที่แมวมองของอตาลันตาจะมองเห็นแววและดึงตัวมาอยู่ในถิ่นแบร์กาโมเมื่อปี 2015

 

ความเก่งกาจของอาหมัดทำให้สโมสรใหญ่อย่างแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ตัดสินใจรีบขอซื้อจากอตาลันตาตั้งแต่เดือนตุลาคม 2020 ก่อนจะย้ายมาร่วมทีมอย่างเป็นทางการในเดือนมกราคม 2021 ด้วยสนนราคาค่าตัวสูงถึง 37 ล้านยูโร ซึ่งไม่ใช่น้อยๆ สำหรับนักเตะดาวรุ่งคนหนึ่งที่ไม่ได้โด่งดังมาตั้งแต่อ้อนแต่ออก

 

ในเรื่องคดีการปลอมแปลงเอกสาร ซึ่งเผยให้เห็นว่าเขาไม่ได้เป็นพี่น้องจริงๆ กับ ฮาเหม็ด ตราโอเร (ซึ่งอยู่กับบอร์นมัธในเวลานี้) และไม่ได้เป็นลูกของ ตราโอเร ฮาเหม็ด มามาดู จบลงที่การตัดสินลงโทษปรับเงินจำนวน 48,000 ยูโร 

 

ตรงนี้ถือว่าผ่านไป

 

 

แต่ชีวิตของอาหมัดก็ไม่ได้ง่ายนัก เพราะการย้ายมาอยู่กับแมนฯ ยูไนเต็ด ตั้งแต่อายุแค่ 18 ปี ประสบการณ์ยังน้อย การปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมใหม่ ชีวิตใหม่ วัฒนธรรมใหม่ และทีมฟุตบอลใหม่ ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย

 

นั่นทำให้เขาแทบไม่ได้โอกาสในการลงสนามเลยนับตั้งแต่ย้ายมาจากอตาลันตา

 

เพื่อให้เป็นผลดีของทุกฝ่าย แมนฯ ยูไนเต็ด ตัดสินใจที่จะให้อาหมัดได้ลองไปเล่นกับทีมอื่นในแบบยืมตัวก่อน เพื่อเก็บประสบการณ์และทดสอบความพร้อมของตัวเองในฐานะนักเตะอาชีพ

 

เริ่มจากการไปเล่นให้กลาสโกว์ เรนเจอร์ส ก่อนเป็นเวลา 6 เดือนในช่วงครึ่งหลังของฤดูกาล 2021/22 และอยู่ในทีมชุดที่ไปถึงรอบชิงชนะเลิศ ฟุตบอลยูโรปาลีก

 

ก่อนที่จะได้โอกาสไปเก็บความมั่นใจแบบเต็มๆ กับทีมซันเดอร์แลนด์ในฤดูกาล 2022/23 ซึ่งกลายเป็นช่วงเวลาที่ล้ำค่าอย่างยิ่งสำหรับเจ้าตัว

 

“การได้โอกาสลงสนามทุกสัปดาห์นั้นสำคัญมากต่อการเติบโตและมีประสบการณ์ เพื่อจะได้พร้อมสำหรับการกลับมาแมนเชสเตอร์” อาหมัดบอกในตอนนั้น “ที่นี่ระดับก็เหมือนกับในพรีเมียร์ลีก การได้ลงเล่นทุก 3 วันจึงมีความสำคัญ มันสำคัญมากสำหรับผม และผมก็ดีใจที่ได้มาอยู่ที่นี่”

 

จบฤดูกาลนั้นอาหมัดทำไปถึง 14 ประตูกับอีก 4 แอสซิสต์ เป็นดาวซัลโวของสโมสรเลยทีเดียว

 

แต่การกลับมาโอลด์แทรฟฟอร์ดเพื่อแจ้งเกิดจริงๆ ก็ยังยากอยู่ดีและต้องใช้ความอดทนอย่างมาก

 

ในฤดูกาล 2023/24 กว่าที่ เอริก เทน ฮาก จะให้โอกาสในการลงสนามในสีเสื้อปีศาจแดงอีกครั้งก็ต้องรอจนถึงเกมสุดท้ายของปี 2023 โดยอาหมัดได้โอกาสลงเป็นตัวสำรองในเกมที่พบกับน็อตติงแฮม ฟอเรสต์ ในวันที่ 30 ธันวาคม

 

ก่อนที่ชีวิตจะมาถึงจุดเปลี่ยนครั้งแรกในเกมเอฟเอคัพ รอบ 8 ทีมสุดท้าย ที่ต้องเจอกับลิเวอร์พูล ซึ่งฟอร์มการเล่นทุกอย่างเหนือกว่ามาก แต่อาหมัดที่ลงมาเป็นตัวสำรองกลายเป็นฮีโร่ เมื่อทำประตูชัยในช่วงทดเวลาบาดเจ็บของการต่อเวลาพิเศษ ส่งทีมคู่ปรับตลอดกาลให้หมดหวังที่จะลุ้น 4 แชมป์ทันที 

 

วันนั้นอาหมัดฉลองประตูด้วยการถอดเสื้อและโดนไล่ออกด้วย แต่ก็ไม่สำคัญเท่ากับการจุดประกายให้กับทั้งทีมและชีวิตของตัวเขาเอง

 

เพราะนั่นเป็นครั้งแรกจริงๆ ที่เราได้เห็นความพิเศษในตัวของปีกร่างเล็กรายนี้ ที่นอกจากจะมีความเร็วจัดจ้านยากจะหาตัวจับได้แล้ว ยังมีความเฉียบคมในจังหวะสุดท้าย 

 

และที่สำคัญคือเป็นผู้เล่นที่ใจใหญ่เกินตัว

 

อาหมัด ดิยัลโล

 

ในฤดูกาล 2024/25 อาหมัดเจอปัญหาชีวิตอีกครั้งเมื่อได้รับบาดเจ็บในช่วงพรีซีซัน ทำให้ต้องพักการเล่นไปนาน

 

สำหรับบางคนอาจคิดว่าบางทีอาจจะไม่ใช่ที่ของเราแล้ว แต่เด็กคนนี้ไม่ได้คิดแบบนั้น

 

อาหมัดซึ่งเป็นคนที่อารมณ์ดีและมีรอยยิ้มเสมอในการฝึกซ้อม พยายามเรียกความฟิตกลับมาและอดทนรอโอกาสที่จะได้ลงสนามในทีม

 

โดยที่การเปลี่ยนแปลงในตำแหน่งนายใหญ่จาก เอริก เทน ฮาก มาสู่ รูเบน อโมริม กลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ

 

เพราะโดยระบบการเล่นของกุนซือคนหนุ่มชาวโปรตุเกสคือระบบ 3-4-3 ซึ่งในทีมแมนฯ ยูไนเต็ด ไม่ได้มีผู้เล่นที่เหมาะสมกับการเล่นเป็นตัวริมเส้นในระบบนี้มากนัก นักเตะที่อโมริมเลือกใช้งานเป็นวิงแบ็กขวาในเกมแรกก็คืออาหมัด

 

เพราะนอกจากจะมีความเร็วจัดจ้านแล้วก็ยังขยัน และที่สำคัญอาหมัดทำให้อโมริมนึกถึง จีโอวานนี เกวนดา อดีตลูกทีมที่เขาให้โอกาส และสามารถแจ้งเกิดในวงการฟุตบอลโปรตุเกสได้อย่างรวดเร็ว

 

แค่เกมแรกที่ได้โอกาสในการลงสนามอาหมัดก็โชว์ทุกอย่างให้อโมริมได้เห็นทันที ด้วยการตัดบอลได้จากริมเส้น ก่อนจะกระชากบอลไปข้างหน้า และแกร่งพอที่จะไม่ล้มเมื่อถูกปะทะ ก่อนจะตวัดเปิดด้วยเท้าขวา (ซึ่งไม่ใช่ข้างที่ถนัด) เข้ามาอย่างแม่นยำให้ มาร์คัส แรชฟอร์ด ยิงประตูขึ้นนำในเกมกับอิปสวิช ทาวน์

 

อาหมัด ดิยัลโล

 

แต่สุดท้ายมันคือวันแจ้งเกิดจริงๆ ของอาหมัด ซึ่งกลายเป็นนักเตะที่อยู่คนละด้านกับอดีตฮีโร่ของชาวแมนคูเนียน ในเรื่องของความมุ่งมั่นตั้งใจ ที่ไม่ว่าบอสจะสั่งให้ลงสนามในตำแหน่งไหน ไม่ว่าจะชอบหรือไม่ชอบก็จะเล่นอย่างเต็มที่

 

“สมัยอยู่อตาลันตาผมจะเล่นเป็นหมายเลข 10 แต่ก็สามารถเล่นปีกซ้าย ปีกขวา หรือกองหน้าก็ได้ ผมพร้อมจะเล่นทุกที่” 

 

ไม่ว่าจะเพราะชีวิตในวัยเด็กที่ไม่ง่าย การผ่านอุปสรรคมาไม่น้อย หรืออะไรก็ตาม แฮตทริกในเกมล่าสุดกับเซาแธมป์ตันนั้นพอจะเป็นการบอกได้แล้วว่าตำแหน่ง ‘ขวัญใจ’ เบอร์หนึ่งของแมนฯ ยูไนเต็ด เวลานี้ไม่ควรจะเป็นของใครอื่น

 

นอกจาก อาหมัด ดิยัลโล ผู้ที่อาจจะเป็นคนจุดประกายพาปีศาจแดงกลับมาทวงความยิ่งใหญ่ได้อีกครั้งในอนาคต

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising