ท่ามกลางกระแส AI ที่กำลังมาแรงทั่วโลก การสำรวจล่าสุดจาก Slack’s Workforce Index ที่เก็บข้อมูลจากพนักงานกว่า 17,000 คนใน 15 ประเทศ รวมถึง สิงคโปร์ 1,008 คน ชี้ให้เห็นภาพที่น่าสนใจในประเทศที่ขึ้นชื่อเรื่องความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีแห่งนี้ เมื่อพบว่า 52% ของพนักงานใช้ AI ในการทำงาน แต่กลับมีถึง 45% ที่ไม่กล้าเปิดเผยเรื่องนี้กับหัวหน้างาน สะท้อนให้เห็นความขัดแย้งระหว่างความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีกับวัฒนธรรมการทำงานที่ยังไม่เปิดกว้าง
ข้อมูลจาก Indeed แสดงให้เห็นว่าตำแหน่งงานที่เกี่ยวข้องกับ AI ในสิงคโปร์เพิ่มขึ้นถึง 4.6 เท่าระหว่างเดือนกันยายน 2023 – กันยายน 2024 สะท้อนให้เห็นถึงความต้องการบุคลากรที่มีทักษะด้านนี้เป็นอย่างมาก แต่กลับพบว่าพนักงานส่วนใหญ่ยังรู้สึกไม่สบายใจที่จะยอมรับว่าตนใช้ AI ช่วยทำงาน
สาเหตุหลักมาจากความกลัวที่จะถูกมองว่าไม่มีความสามารถ ขี้เกียจ หรือแม้กระทั่งโกง สะท้อนให้เห็นถึงความเข้าใจผิดและทัศนคติเชิงลบต่อการใช้ AI ในที่ทำงาน
คริสตินา แจนเซอร์ รองประธานอาวุโสฝ่ายวิจัยและวิเคราะห์ของ Slack เผยว่า “แม้พนักงานจะตื่นเต้นกับ AI แต่พวกเขาไม่มั่นใจว่าควรใช้มันอย่างไรในที่ทำงาน ความไม่แน่ใจนี้กลายเป็นอุปสรรคต่อการนำ AI มาใช้ในวงกว้าง”
เธอย้ำว่าปัจจุบันภาระในการทำความเข้าใจ AI ตกอยู่กับพนักงานมากเกินไป ผู้นำองค์กรไม่ควรเพียงแค่ฝึกอบรมพนักงานให้ใช้ AI เท่านั้น แต่ยังต้องสนับสนุนให้พูดคุยและทดลองใช้อย่างเปิดเผยด้วย เพื่อสร้างวัฒนธรรมการเรียนรู้และพัฒนาร่วมกัน
ปัญหาสำคัญอีกประการหนึ่งที่งานวิจัยชี้ให้เห็นคือการขาดแนวทางที่ชัดเจนจากองค์กร ทำให้พนักงานสับสนว่าเมื่อใดจึงจะเหมาะสมที่จะใช้ AI ในการทำงาน ทั้งในแง่สังคมและวิชาชีพ ส่งผลให้หลายคนเลือกที่จะปิดบังการใช้งาน แทนที่จะได้แลกเปลี่ยน เรียนรู้ และพัฒนาทักษะร่วมกัน
แจนเซอร์แนะนำว่าองค์กรควรดำเนินการหลายอย่างเพื่อแก้ไขปัญหานี้ เริ่มจากการจัดสรรเวลาและพื้นที่สำหรับการทดลองใช้งาน ส่งเสริมให้พนักงานแบ่งปันประสบการณ์กับเพื่อนร่วมงานเพื่อสร้างแรงบันดาลใจ และผู้บริหารควรเป็นตัวอย่าง ด้วยการแสดงให้เห็นว่าพวกเขาใช้เทคโนโลยีนี้ในงานของตนเองอย่างไร
นอกจากนี้ต้องมีแนวทางชัดเจนว่าเครื่องมือ AI ใดได้รับการอนุมัติให้ใช้ในองค์กรและสามารถใช้กับงานประเภทใดได้บ้าง เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับพนักงาน
ที่น่าสนใจคือ แม้จะมีความไม่แน่ใจ แต่พนักงานในสิงคโปร์ถึง 88% รู้สึกถึงความเร่งด่วนที่จะต้องเชี่ยวชาญด้าน AI สะท้อนให้เห็นว่าพวกเขาตระหนักถึงความสำคัญของทักษะนี้ต่ออนาคตการทำงาน
อย่างไรก็ตาม 63% ใช้เวลาเรียนรู้เกี่ยวกับ AI น้อยกว่า 5 ชั่วโมง สะท้อนให้เห็นถึงช่องว่างระหว่างความต้องการกับการลงมือทำจริง ซึ่งอาจเกิดจากการขาดการสนับสนุนและแนวทางที่ชัดเจนจากองค์กร
ผู้เชี่ยวชาญมองว่าสถานการณ์นี้เป็นความท้าทายที่สำคัญสำหรับองค์กรในยุคดิจิทัล เพราะการสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการใช้ AI อย่างสร้างสรรค์ ไม่เพียงช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานเท่านั้น แต่ยังเป็นปัจจัยสำคัญในการดึงดูดและรักษาบุคลากรที่มีความสามารถด้วย
เมื่อโลกก้าวเข้าสู่ยุค AI อย่างเต็มตัว องค์กรจำเป็นต้องปิดช่องว่างด้านการฝึกอบรมและกำหนดแนวทางการใช้ AI ให้ชัดเจน เพราะทั้งพนักงานปัจจุบันและคนรุ่นใหม่ที่กำลังจะเข้าสู่ตลาดแรงงาน ย่อมเลือกทำงานกับองค์กรที่สนับสนุนการใช้เทคโนโลยีอย่างเปิดเผยและสร้างสรรค์
การสร้างวัฒนธรรมที่เปิดกว้างต่อการใช้ AI จึงไม่ใช่ทางเลือก แต่เป็นความจำเป็นที่จะกำหนดความอยู่รอดขององค์กรในอนาคต เพราะในที่สุดแล้ว AI ไม่ใช่เครื่องมือโกงหรือทางลัดที่น่าละอาย แต่เป็นผู้ช่วยที่จะทำให้มนุษย์สามารถทำงานได้อย่างชาญฉลาดและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ภาพ: wenich_mit / Shutterstock
อ้างอิง: