ธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา (Fed) ส่งสัญญาณว่าจะลดดอกเบี้ยในปี 2025 น้อยกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ ส่งผลให้ตลาดหุ้นทั่วโลกถูกเทขาย ไล่ตั้งแต่หุ้นสหรัฐฯ ที่ปรับตัวลง 3-4% เมื่อคืนนี้ ส่วนตลาดหุ้นในเอเชียปรับตัวลงเกือบทุกตลาด รวมทั้งตลาดหุ้นไทยที่ลดลง 1%
จากการประชุมของ Fed เมื่อคืนนี้ แม้จะมีมติลดดอกเบี้ยลง 0.25% สู่ระดับ 4.25-4.5% ตามที่ตลาดคาดการณ์ แต่คณะกรรมการ FOMC ไม่ได้มีมติเป็นเอกฉันท์ ขณะที่คาดการณ์แนวโน้มดอกเบี้ยสหรัฐฯ ในปี 2025 ถูกปรับขึ้นมาเป็น 3.75-4% สะท้อนว่าการลดดอกเบี้ยในปีหน้าอาจเกิดขึ้นเพียง 2 ครั้ง จากเดิมที่คาดกันไว้ 4 ครั้ง
เจอโรม พาวเวลล์ ประธาน Fed ให้สัมภาษณ์ว่า Fed จะเข้าสู่แนวทางระมัดระวังและรอบคอบต่อการปรับลดดอกเบี้ยในช่วงถัดไป
จากท่าทีของ Fed ที่ออกมาล่าสุด ทำให้นักลงทุนเทขายตลาดหุ้นทั่วโลก ทั้งตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่ดัชนีสำคัญ ได้แก่ Dow Jones, S&P 500, Nasdaq และ Russell 2000 ปรับตัวลดลง 2.5-4.4% เมื่อคืนนี้ ขณะที่ตลาดหุ้นยุโรปซึ่งเปิดทำการในช่วงบ่ายตามเวลาประเทศไทยปรับตัวลดลงราว 1%
ด้านตลาดหุ้นในฝั่งเอเชียต่างปรับตัวลดลงเกือบทั้งหมดในวันนี้ อย่างดัชนี KOSPI เกาหลีใต้ ลดลง 1.95%, ดัชนี IDX Composite อินโดนีเซีย ลดลง 1.8%, ดัชนี BSE Sensex อินเดีย, ดัชนี PSEi Composite และดัชนี VN30 เวียดนาม ลดลงประมาณ 1.1-1.2% ส่วนดัชนี SET ของไทยลดลง 21 จุด หรือ 1.5% มาปิดที่ 1,377.53 จุด ส่งผลให้ดัชนี SET ติดลบ 2.7% จากปีก่อน
“ตลาดการเงินอยู่ในสถานการณ์ที่วิ่งขึ้นอย่างไร้การควบคุม ก่อนที่นักลงทุนจะต้องเผชิญความจริงว่าดอกเบี้ยจะไม่ต่ำอย่างที่เคยคาดหวังไว้” เจเรมี ซีเกล ศาสตราจารย์พิเศษด้านการเงินจาก University of Pennsylvania’s Wharton School กล่าวกับ CNBC
“ตลาดมีความคาดหวังที่เกินจริง ดังนั้นผมจึงไม่แปลกใจที่ตลาดจะเกิดการขายออกในครั้งนี้” ซีเกลกล่าว พร้อมเสริมว่า Fed อาจลดจำนวนครั้งของการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีหน้าเหลือเพียง 1 หรือ 2 ครั้งเท่านั้น
ซีเกลกล่าวต่อว่า คณะกรรมการ FOMC บางคนอาจคำนึงถึงผลกระทบด้านเงินเฟ้อจากการเก็บภาษีการค้าเพิ่มเติมตามนโยบายของ โดนัลด์ ทรัมป์
สรพล วีระเมธีกุล หัวหน้าทีมกลยุทธ์การลงทุน บล.กสิกรไทย เปิดเผยว่า การปรับมุมมองของ Fed ล่าสุดเกี่ยวกับดอกเบี้ยปีหน้าที่เปลี่ยนไปเกือบ 0.3% ภายใน 3 เดือน น่าจะรวมผลกระทบเรื่องนโยบายของทรัมป์เข้าไปแล้ว สิ่งที่ต้องติดตามคือนโยบายหลักๆ เช่น การลดจำนวนผู้อพยพจากปีละ 3 ล้านคน ลงมาเหลือ 7-8 แสนคน และการขึ้นภาษีการค้ากับจีนและประเทศอื่นๆ ทั่วโลกจะทำได้แค่ไหน
ในมุมมองของ บล.กสิกรไทย เชื่อว่าการลดดอกเบี้ยของสหรัฐฯ จะยังเกิดขึ้น 3 ครั้งในปีหน้า ขณะที่การปรับฐานของหุ้นสหรัฐฯ จะเป็นโอกาสเข้าลงทุนในหุ้นกลุ่มธนาคาร ค้าปลีก และสินค้าอุปโภคบริโภค
“การลงของหุ้นสหรัฐฯ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะ Valuation ที่อิ่มตัว ขณะที่การถือครองเงินสดของกองทุนต่างๆ เหลือแค่ 3% เป็นสภาวะ Bullish มาก จากสถิติแล้วเมื่อเป็นเช่นนี้ ในช่วง 1 เดือนข้างหน้า ผลตอบแทนของหุ้นสหรัฐฯ มักจะติดลบ แต่ขาขึ้นยังไม่ได้จบลง”
ส่วนหุ้นไทยยังมีปัจจัยเสี่ยงรออยู่คือ แรงขาย LTF รอบปี 2019 ที่จะครบกำหนด ทำให้อาจมีแรงขายออกมาในตลาดได้มากถึง 1.8 หมื่นล้านบาท และในสถานการณ์เช่นนี้กองทุนมักจะสำรองเงินสดไปรองรับการไถ่ถอน ทำให้แรงซื้อจะหดหายไป เพราะฉะนั้นการจะเข้าซื้อหุ้นไทยอาจต้องรอให้ผ่านช่วงต้นปีหน้า
ภาพ: iiinuthiii / Shutterstock