×

นายกฯ แถลงผลงาน 90 วัน ปัดฝุ่น ‘ODOS-กองทุน SML’ ผุดนโยบายใหม่ ‘บ้านเพื่อคนไทย’ ย้ำปี 68 ล้างหนี้ ลดรายจ่าย และเงินหมื่นเฟส 3 มาแน่

โดย THE STANDARD TEAM
12.12.2024
  • LOADING...
นายกฯ แถลงผลงาน 90 วัน

วันนี้ (12 ธันวาคม)​ แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการแถลงผลการดำเนินงานของรัฐบาลในรอบ 3 เดือน ภายใต้ชื่อ ‘2568 โอกาสไทย ทำได้จริง’ และการมอบนโยบายการบริหารราชการแผ่นดินของนายกรัฐมนตรี ที่สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย (NBT)

 

นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า 90 วันตั้งแต่แถลงผลงานต่อรัฐสภา เป็นช่วงของการปรับตัวและปรับการทำงานทั้งของตัวเองและข้าราชการ ในการหาแนวทางที่จะตอบโจทย์ชีวิตพี่น้องประชาชนให้ดีขึ้น และถือเป็นช่วงสำคัญที่ได้เข้ามาเรียนรู้ 

 

สิ่งที่ผ่านมาอาจมีช่วงที่มีการเปลี่ยนแปลงที่ไม่คาดฝัน วันนี้เรากลับมาแล้วเพื่อร่วมมือกันทำงานเพื่อพี่น้องประชาชน วางรากฐานให้อนาคตประเทศไทยมีกิน มีใช้ มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี ประเทศไทยในปี 2568 จะต้องเป็นปีของโอกาสที่จับต้องได้ ทำให้เกิดเป็นรูปธรรมทำให้สิ่งที่คนมองว่าเป็นความฝันกลายความจริงและมีนโยบายกินได้ แม้ที่ผ่านมาจะมีความขัดแย้งทางการเมืองมากว่า 20 ปี แต่เราพร้อมเดินต่อไปข้างหน้าและแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น

 

ผุดอาชีพใหม่ ‘ขายดิน-เรือท้องแบน’ 

 

นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงปัญหา ‘น้ำท่วม-น้ำแล้ง’ ในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคใต้ว่า ในภาคเหนือดินโคลนถล่ม รัฐต้องเยียวยาอย่างรวดเร็ว พร้อมย้ำว่าน้ำท่วม-น้ำแล้งต้องมีการแก้ไขปัญหาอย่างถาวรให้การแก้ไขปัญหาน้ำมีทางออก มีน้ำใช้พอในยามแล้ง นอกจากนี้จะต้องเจรจากับประเทศเพื่อนบ้านให้เกิดการแก้ไขปัญหาอย่างเป็นระบบ 

 

รัฐบาลจะศึกษาแก้กฎหมายอนุญาตให้ประชาชนสามารถขุดลอกคูคลองนำดินไปขาย เกิดเป็นอาชีพใหม่ ซึ่งต้องไม่กระทบกับสิ่งแวดล้อม รวมถึงยังจะเกิดอาชีพใหม่ เช่น ขายเรือท้องแบน ขายเครื่องดูดน้ำ-ดูดโคลน ทั้งนี้ จะศึกษาโครงการ Floodway และโครงการขนาดใหญ่ที่จะช่วยแก้ปัญหาน้ำท่วมในภาคกลาง กรุงเทพมหานคร และปริมณฑล

 

คืนอากาศดีให้คนไทย-สร้างแพลตฟอร์มส่งข้อมูลยาเสพติด

 

ส่วนปัญหา PM2.5 ในฐานะแม่ลูกสองที่ชอบให้ลูกเล่นนอกบ้าน เพื่อให้มีสุขภาพแข็งแรง จึงกระทบส่วนตัว ซึ่งปัจจุบันสามารถลดพื้นที่เผาไหม้ไปได้ถึง 50% รัฐบาลเจรจากับประเทศเพื่อนบ้านให้ลดการเผา จริงจังกับการเผาข้าวและอ้อย ซึ่งจะต้องเป็นทีมทั้งประเทศ โดยเป้าหมายของรัฐบาลคือต้องการคืนอากาศดีๆ ให้กับประชาชน 

 

ขณะเดียวกันยาเสพติดถือเป็นอุปสรรคของคนไทย โดยรัฐบาลจะทำแพลตฟอร์มให้ส่งข้อมูลตรงมายังนายกรัฐมนตรี และเพื่อให้เกิดความปลอดภัยก็จะมีการปกปิดข้อมูล ทั้งนี้ ได้นำโมเดลท่าวังผา จังหวัดน่าน และธวัชบุรีโมเดล จังหวัดร้อยเอ็ด พัฒนาไปทุกจังหวัดทั่วประเทศ เพื่อให้คนไทยกลับมาสร้างอาชีพ ไม่กลับไปติดยาอีกครั้ง 

 

การแก้ปัญหาทุนผูกขาดที่ทำให้พี่น้องประชาชนยากจนลง รัฐบาลจะเร่งดำเนินการหลายอย่าง เช่น เรื่องข้าว รัฐบาลจะปลดล็อกให้เกษตรกรทุกคนสามารถส่งออกข้าวไปทั่วโลกได้เอง หรือการปลดล็อกการผูกขาดด้วยเงื่อนไขทางกฎหมาย เช่น โครงสร้างค่าไฟฟ้าและค่าพลังงาน ซึ่งจะแก้ให้ถูกลง

 

ดึงธุรกิจใต้ดินสู่บนดิน-ดันสุราพื้นบ้านส่งเสริม SMEs



ขณะเดียวกันจะเปิดโอกาสให้ประชาชนเกิดความคิดสร้างสรรค์ เช่น สุราชุมชน ส่งเสริม SMEs ไทย และนำธุรกิจใต้ดินที่มีมูลค่ากว่า 49% ของ GDP ไทยขึ้นมาอยู่บนดิน รัฐบาลจะทำให้ธุรกิจใต้ดินขึ้นมาอยู่บนดินและให้ถูกกำกับด้วยกฎหมาย ระบบเช่นนี้จะเป็นการปกป้องประชาชนและทำให้รัฐเก็บภาษีได้มากขึ้น 

 

นอกจากนี้ยังต้องเตรียมพร้อมสำหรับธุรกิจในอนาคต เตรียมพร้อมในเรื่องของคน ซึ่ง AI จะเข้ามามีส่วนในการช่วยคิดวิเคราะห์ซึ่งเป็นโอกาสใหม่ๆ หากใช้ AI ให้เป็น โดยรัฐบาลไทยตั้งเป้าว่าเราจะเป็น AI Hub ของภูมิภาคให้ได้ เป็น Hub ของ EV และเซมิคอนดักเตอร์ แม้เราจะเริ่มช้า แต่เราจะให้คนไทยไปเรียน 2.8 แสนคนเพื่อสร้างคนในอนาคต 

 

ครัวไทยสู่ครัวโลก และซอฟต์พาวเวอร์ยังดำเนินการเช่นเดียวกับนโยบายการท่องเที่ยวไทยทั้งปี ไม่ให้มี Low Season เพื่อให้เงินหมุนเข้ามาทั้งปี นี่คือโอกาสของปี 2568 และเป็นปีแห่งโอกาสของคนไทยทุกคน 

 

ปัดฝุ่นนโยบาย ‘ODOS และกองทุน SML’

 

นายกรัฐมนตรีกล่าวอีกว่า “ตั้งแต่เข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรีก็ถามตัวเองว่าอยากให้อะไรเกิดขึ้นกับประเทศไทยและพี่น้องประชาชน ตั้งแต่เด็กเจอความเปลี่ยนแปลงบ่อยๆ ก็พบว่ามีนโยบายดีๆ ที่เกิดขึ้นทุกยุคทุกสมัย จึงอยากสร้างนโยบายดีๆ ให้กับพี่น้องประชาชน ไม่ว่ารัฐบาลชุดไหนประโยชน์ต้องเกิดกับพี่น้องประชาชน ไม่ต้องเอ่ยเลยว่าใครทำนโยบายไหน แต่เรื่องของนโยบายยังต้องอยู่ ประโยชน์ยังต้องอยู่ที่ประเทศไทย”

 

นายกรัฐมนตรีกล่าวอีกว่า ทุกนโยบายในปี 2568 จะนำนโยบายเดิมกลับมาใช้ โดยโครงการแรกคือนโยบาย ‘หนึ่งอำเภอหนึ่งทุน’ หรือ One District One Scholarship (ODOS) กลับมาอีกครั้ง เป็นการใช้เงินจากการขายสลากกินแบ่งรัฐบาล โครงการต่อมาคือ ‘1 อำเภอ 1 ซัมเมอร์แคมป์’​ โดยเป็นการเปิดโอกาสให้เด็กไทยได้ไปฝึกภาษาที่ต่างประเทศเป็นระยะเวลาสั้นๆ และอีกโครงการจะนำเงินส่วนหนึ่งจากสลากกินแบ่งรัฐบาลมาอัปเกรดโรงเรียนประจำอำเภอทำให้เป็นโรงเรียนต้นแบบ เติมครู เติมเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ต่างๆ ที่ซื้อลิขสิทธิ์มา แล้วใช้เครื่องมือในการสอน 2 ภาษา (Bilingual) พร้อมสอน AI Prompt, Coding และ Programming เตรียมพร้อมเด็กๆ โดยจะเริ่มดำเนินการในปี 2568 ซึ่งจะเป็นโอกาสของคนไทย 

 

อีกโครงการที่จะนำกลับมาจึงเป็นกองทุน SML โดยกองทุน SML จะกระจายโอกาสและเงินลงไปในทุกหมู่บ้าน ทำให้เกิดการจ้างงานและกระจายเงินไปสู่มือประชาชนอย่างแท้จริง โดยจะเริ่มในปีหน้าและเพิ่มงบประมาณทุกปี รวมถึงยังมีกองทุนเพื่อฟื้นฟู SMEs ให้กลับมายืนได้อย่างเข้มแข็ง

 

ผุดโครงการใหม่ให้คนไทยมีบ้าน 

 

โครงการ ‘บ้านเพื่อคนไทย’ (Public Housing) เพื่อแก้ปัญหาคนในเมืองที่มีอุปสรรคในการมีบ้านเป็นของตัวเอง จะใช้พื้นที่ของรัฐที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ แต่ทำเลดี เดินทางสะดวก ใกล้รถไฟฟ้า และใกล้ตัวเมือง มาทำที่อยู่อาศัยให้ประชาชน โดยจะเริ่มจากพื้นที่ของการรถไฟแห่งประเทศไทยในกรุงเทพฯ ไม่มีเงินดาวน์ ผ่อนเดือนละประมาณ 4,000 บาทเป็นเวลาประมาณ 30 ปี และจะให้อยู่ได้ 99 ปี โดยให้สิทธิ์กับคนที่ยังไม่มีบ้านก่อน ในช่วงต้นปีหน้าจะเริ่มจากโครงการคอนโดคุณภาพดีพร้อมเฟอร์นิเจอร์ มีสุขภัณฑ์ ไฟฟ้า และระบบรักษาความปลอดภัย เริ่มต้นประมาณ 30 ตารางเมตร เฉพาะคนไทยทุกคนจะมีสิทธิ์คนละ 1 ยูนิต ซึ่งจะมีบ้านตัวอย่างให้ดูในปีหน้า

 

ปี 68 มีรถไฟฟ้า 20 บาทและเงินหมื่นเฟส 3

 

รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายจะเกิดขึ้นในปี 2568 แน่นอน เพื่อให้คนไทยทุกคนเข้าถึงการเดินทางและลดรายจ่ายให้ประชาชน 

 

ทั้งนี้ เราจะต้องเติมเงินเข้าไปในระบบ ซึ่งเราเติมเงินไปในระบบให้กับกลุ่มคนกว่า 14 ล้านคนในเฟสแรก ทำให้ GDP โตขึ้น 3% และต่อมาคือนโยบายดิจิทัลวอลเล็ตระยะที่ 2 ซึ่งเป็นเฟสของผู้สูงอายุประมาณ 4 ล้านคน ไม่เกินตรุษจีนนี้ จะได้รับเงินสดไม่ใช่ซองอั่งเปา

 

ส่วนในระยะที่ 3 สำหรับบุคคลทั่วไป นายกรัฐมนตรีอธิบายว่า นโยบายนี้ไม่ใช่แค่ให้เงินกระตุ้นเศรษฐกิจเท่านั้น แต่จะเป็นการยกระดับประเทศไทยให้ก้าวสู่ยุคดิจิทัล ซึ่งจะเกิดขึ้นในปี 2568 แน่นอน

 

ดันแก้หนี้เป็นวาระแห่งชาติ 

 

นโยบายแก้หนี้ครัวเรือนซึ่งเป็นปัญหาใหญ่และเรื้อรัง โดยเฉพาะหนี้รถยนต์และบ้าน เป็นวาระแห่งชาติ รัฐบาลได้รับความร่วมมือจากธนาคารแห่งประเทศไทยและธนาคารพาณิชย์ ทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะลดการส่งเงินเข้ากองทุนฟื้นฟู 0.23% ซึ่งเป็นเงินกว่า 3.9 หมื่นล้านต่อปี และสมาคมธนาคารไทยจะเติมให้อีก 3.9 หมื่นล้านบาท รวมกันเป็น 7.8 หมื่นบาทต่อปี ซึ่งเงินตรงนี้จะเอาไปจ่ายดอกเบี้ยแทนประชาชน ให้ลูกหนี้พักจ่ายดอกเบี้ย 3 ปี และเงินทุกบาททุกสตางค์จะนำไปใช้ชำระเงินต้น ซึ่งจะช่วยให้พี่น้องประชาชนลืมตาอ้าปากได้ 

 

โดยจะเริ่มต้นภายในต้นปี 2568 ซึ่งใน 2 ปีจากนี้ประชาชนจะต้องมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ส่วนหนี้ในระบบต่ำกว่า 5,000 บาท จำนวนกว่า 3 แสนบัญชี รัฐบาลจะมีกระบวนการประนอมหนี้แบบพิเศษ ล้างหนี้ให้ทั้งหมดสำหรับคนที่ทำถูกกฎหมาย

 

เพิ่มอำนาจประชาชน ลดอำนาจรัฐลง

 

นายกรัฐมนตรีกล่าวปิดท้ายการแถลงผลงานด้วยว่า “ในปี 2568 เป็นปีที่มีความหวังว่าจะเกิดขึ้นได้ วันนี้เราทุกคนคือทีมเดียวกัน มีหัวใจเดียวกันที่รักประชาชน รักประเทศไทย เราจะเพิ่มอำนาจประชาชน ลดอำนาจรัฐลง เพื่อวางรากฐานที่มั่นคง และขอให้ปีหน้าเป็นปีแห่งโอกาสและสร้างความหวังไปพร้อมๆ กัน” 

 

ภายหลังการแถลงผลงานรัฐบาล นายกรัฐมนตรีได้ร่วมวงสนทนาพบปะผู้บริหารระดับสูงของหน่วยงานต่างๆ โดยแบ่งออกเป็น 6 กลุ่ม ซึ่งแต่ละกลุ่มจะมีรองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี ปลัดกระทรวงฯ หัวหน้าส่วนราชการ และผู้ว่าราชการจังหวัด ที่เกี่ยวข้อง

 

นายกฯ แถลงผลงาน 90 วัน

นายกฯ แถลงผลงาน 90 วัน

นายกฯ แถลงผลงาน 90 วัน

นายกฯ แถลงผลงาน 90 วัน

นายกฯ แถลงผลงาน 90 วัน

นายกฯ แถลงผลงาน 90 วัน

นายกฯ แถลงผลงาน 90 วัน

นายกฯ แถลงผลงาน 90 วัน

นายกฯ แถลงผลงาน 90 วัน

นายกฯ แถลงผลงาน 90 วัน

นายกฯ แถลงผลงาน 90 วัน

 

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising
X