วันนี้ (9 ธันวาคม) ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ถึงกรณีการยกเลิกพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) ฉุกเฉินใน 19 อำเภอ จังหวัดชายแดนใต้ ที่เคยประกาศใช้ก่อนหน้านี้ว่า เมื่อเปรียบเทียบตั้งแต่สถานการณ์ปี 2547 จนถึงปัจจุบัน จำนวนครั้งลดลง แต่ความรุนแรงมากขึ้น กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) จึงเสนอให้ปรับลดหรือเปลี่ยนแปลง แต่คณะรัฐมนตรี (ครม.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องช่วยหารูปแบบที่เหมาะสมกับสถานการณ์ในพื้นที่ ซึ่งต้องใช้เวลาในการทบทวน หากมองในภาพรวมยังมีเรื่องที่ต้องกังวลบางส่วน แต่หลายเรื่องดีขึ้น เช่น เศรษฐกิจ ความร่วมมือของประชาชน ดังนั้นจะใช้ยาแรงไปก็ไม่ดี ยาอ่อนไปก็มีปัญหา ต้องหาสิ่งที่พอดี
ส่วนกรณีที่ อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ไม่เห็นด้วยกับการเสนอร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) จัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .… โดยให้อำนาจ ครม. มีหน้าที่และอำนาจพิจารณาแต่งตั้งนายทหารชั้นนายพลเพื่อสกัดการรัฐประหารของพรรคเพื่อไทยนั้น ภูมิธรรมกล่าวว่า เป็นสิทธิ์ของ ประยุทธ์ ศิริพานิชย์ สส. บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย ที่จะเสนอ แต่ส่วนตัวยังถือกฎหมายของสภากลาโหม ทั้งนี้ กฎหมายดังกล่าวยังไม่ได้ผ่านความเห็นชอบ จุดยืนดังกล่าวไม่ใช่จุดยืนที่ผ่านการลงมติของพรรคเพื่อไทย
ภูมิธรรมกล่าวอีกว่า วันนี้ต้องฟังความเห็นของทุกส่วน อยู่ที่ความเป็นจริงว่าจะทำอย่างไรให้เหมาะสมที่สุด สิ่งสำคัญไม่ได้อยู่ที่ลายลักษณ์อักษร แต่ขึ้นอยู่กับการปฏิบัติของกองทัพในการเข้ามาช่วยเหลือแก้ไขปัญหาประชาชน ส่วนเรื่องระเบียบต่างๆ สามารถแก้ไขได้อยู่แล้ว
เมื่อถามว่าการเสนอร่างกฎหมายดังกล่าวเป็นเพราะพรรคเพื่อไทยกังวลว่าจะมีการรัฐประหารใช่หรือไม่ ภูมิธรรมกล่าวว่า เป็นความเห็นของคนสองคน ไม่ใช่ความเห็นของพรรคเพื่อไทย ส่วนจะดำเนินการอย่างไรก็ต้องมาพูดคุยกันอีกที โดยส่วนตัวเห็นว่ายังต้องดูความเป็นจริง
สั่ง ศปช. กองทัพ รับมือพายุมรสุมพื้นที่ภาคใต้ 12-16 ธ.ค. นี้
ภูมิธรรมยังกล่าวถึงสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ว่า รัฐบาลเคลียร์พื้นที่ไว้หมดแล้ว ส่วนวันที่ 12-16 ธันวาคมนี้ที่จะมีพายุมรสุมเข้ามา ได้สั่งการศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม (ศปช.) ให้รับมือ ส่วนของกองทัพได้มาร์กจุดไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้วว่าจุดไหนที่น้ำเข้ามาแล้วมีผลกระทบรุนแรง
อีกทั้งในช่วงที่ฝนตกและมีน้ำเข้ามาในพื้นที่มีเรือที่จะสามารถเข้าไปในจุดที่มีปัญหาช่วยเหลือได้อย่างทันการณ์ ซึ่งมีทั้งเรือท้องแบน รวมถึงอาวุธยุทโธปกรณ์ที่ใช้ในการแก้ไขปัญหาก็ยังคงอยู่ในพื้นที่ และไม่ได้มีคำสั่งให้ถอนกำลังเนื่องจากต้องรอให้เหตุการณ์นั้นสงบลงก่อน
ขณะที่อนุทินกล่าวว่า กระทรวงมหาดไทยเตรียมพร้อมเงินช่วยเหลือในส่วนของผู้ประสบภัยครัวเรือนละ 9,000 บาท หลังที่ประชุม ครม. อนุมัติงบกลางเพื่อช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ภาคใต้สัปดาห์ที่ผ่านมา รวมถึงเร่งดำเนินการสำรวจความเสียหายและโอนเงินผ่านกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ซึ่งทุกอย่างเป็นไปตามที่เคยปฏิบัติมา และยืนยันว่าจะใช้ระยะเวลาสำรวจไม่นาน