วานนี้ (8 ธันวาคม) ศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม (ศปช.) รับทราบข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีในการแก้ไขปัญหาอุทกภัยภาคใต้ และเตรียมการรับมือฝนหนักสัปดาห์นี้ ที่ ศปช. ออกเตือนแล้วว่าฝนจะตกลงมาอย่างหนักในปลายสัปดาห์นี้ เน้นย้ำให้ติดตามความคืบหน้าสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะจังหวัดนครศรีธรรมราช สงขลา และปัตตานี ที่ยังมีน้ำท่วมขัง
ขณะที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) สั่งการให้ตรึงกำลังเจ้าหน้าที่เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนและเร่งสำรวจความเสียหายของอาคารบ้านเรือน พื้นที่การเกษตรในพื้นที่ที่สถานการณ์คลี่คลายแล้ว เพื่อนำเสนอในการเยียวยาต่อไป
ล่าสุดในที่ประชุม ศปช. สั่งการทุกหน่วยที่ตรึงกำลังอยู่ในพื้นที่ให้เตรียมพร้อมแผนรับมือฝนตกหนักถึงหนักมากอีกระลอกในพื้นที่น้ำท่วมเดิม ที่จังหวัดชุมพร, สุราษฎร์ธานี, นครศรีธรรมราช, สงขลา, พัทลุง, นราธิวาส, ยะลา และนราธิวาส ระหว่างวันที่ 12-16 ธันวาคม 2567
“ผอ.ศปช. ย้ำทุกหน่วยเตรียมพร้อมเครื่องจักรเครื่องมือและอุปกรณ์ต่างๆ ในพื้นที่ภาคใต้ เพื่อพร้อมรับมือฝนตกหนักในช่วงสุดสัปดาห์นี้ เบื้องต้นได้รับรายงานว่า ศูนย์ ปภ.เขต 11 สุราษฎร์ธานี เตรียมพร้อมเครื่องจักรกลสาธารณภัย ทั้งเครื่องสูบน้ำ เรือท้องแบน รถบรรทุก รถปฏิบัติการเคลื่อนย้ายผู้ประสบภัย รวมจำนวน 31 หน่วย ในพื้นที่รับผิดชอบจังหวัดชุมพร, พัทลุง, นครศรีธรรมราช และสุราษฎร์ธานี นอกจากนี้ยังมีหน่วยงานอื่นที่พร้อมสนับสนุนเครื่องมืออุปกรณ์ด้วย เพื่อให้พร้อมปฏิบัติงานได้ทันที รวมทั้งเตรียมศูนย์พักพิง ศูนย์อพยพ เพื่อลดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นและช่วยเหลือประชาชนได้ทันท่วงที โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง ทั้งผู้สูงอายุ ผู้ป่วยติดเตียง ขอให้มั่นใจว่ารัฐบาลให้ความสำคัญในการแก้ไขปัญหาและช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในทุกพื้นที่อย่างเต็มที่เพื่อให้ผ่านพ้นวิกฤตโดยเร็ว” ศศิกานต์กล่าว
รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวด้วยว่า ฝนที่จะตกเพิ่มทางภาคใต้ต้องเฝ้าระวังและบริหารจัดการน้ำในอ่างเก็บน้ำโดยเฉพาะเขื่อนบางลาง ปัจจุบันมีความจุ 82% (1,199 ล้านลูกบาศก์เมตร) ระบายน้ำวันละ 18 ล้านลูกบาศก์เมตร ส่วนจะยังคงการระบายหรือปรับเพิ่มจะมีความชัดเจนในวันที่ 9 ธันวาคมนี้
ทั้งนี้ เขื่อนบางลางมีความสำคัญต่อการบริหารจัดการน้ำในแม่น้ำปัตตานีตลอดสายที่แม่น้ำจะไหลผ่าน ตั้งแต่อำเภอบันนังสตา, อำเภอเมืองยะลา จังหวัดยะลา อำเภอยะรัง และอำเภอเมืองปัตตานี จังหวัดปัตตานี ซึ่งขณะนี้ที่สถานีอำเภอเมืองปัตตานียังเป็นพื้นที่เดียวที่ยังมีน้ำสูงกว่าตลิ่งประมาณ 50 เซนติเมตร ฝนที่จะตกเพิ่มตั้งแต่วันที่ 12 ธันวาคมเป็นต้นไป คาดระดับน้ำจะเพิ่มอีกประมาณ 15 เซนติเมตร ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ
ทั้งนี้ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า รัฐบาลอนุมัติจ่ายเงินเยียวยาผู้ประสบอุทกภัยครัวเรือนละ 9,000 บาทเรียบร้อยแล้ว ร้อยละ 98.45 โดยธนาคารออมสินโอนเงินผ่านพร้อมเพย์ ซึ่งเงินถึงมือผู้ประสบภัยแล้ว 297,844 ครัวเรือน เป็นเงินรวมกว่า 2,700 ล้านบาท