วันนี้ (26 พฤศจิกายน) สุวรรณี เจษฎาศักดิ์ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยเกี่ยวกับมาตรการแก้หนี้ครัวเรือนที่กระทรวงการคลัง, ธปท. และธนาคารพาณิชย์ กำลังหารือกัน โดยระบุว่า ปัจจุบันยังอยู่ในกระบวนการทยอยหาข้อสรุป ซึ่งบางส่วนก็จำเป็นต้องเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ให้ทราบก่อน พร้อมคาดว่ารายละเอียดของมาตรการนี้จะเห็นความชัดเจนก่อนสิ้นปี 2567
สำหรับประเด็นเรื่องการลดเงินนำส่งกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน (FIDF) สุวรรณีกล่าวอีกว่า เป็นแหล่งเงินหนึ่งที่กำลังหารืออยู่ พร้อมทั้งระบุ การลดเงินนำส่ง FIDF ครั้งนี้จะมุ่งช่วยลูกหนี้ แตกต่างจากการลดเงินนำส่ง FIDF รอบปี 2563 ที่มีเหตุผลมาจากฝั่งธนาคารยังไม่แข็งแรงมาก แต่รอบนี้ธนาคารมีความแข็งแรงเพิ่ม ดังนั้นแหล่งเงินทำมาตรการรอบนี้จึงต้องมีส่วนจากธนาคารพาณิชย์ด้วย พร้อมทั้งระบุว่า การลดเงินนำส่ง FIDF ลงครึ่งหนึ่งเหลือ 0.23% จาก 0.47% ทุก 1 ปี จะทำให้ปิดหนี้ช้าลงครึ่งปี
“ถ้ามีการลดเงินนำส่ง FIDF อย่างไรก็ต้องกระทบเวลาใช้คืนหนี้ให้ยาวนานออกไป แต่เราต้องชั่งน้ำหนัก โดยหากสามารถผลักดันการช่วยเหลือลูกหนี้ในกลุ่มที่กังวลดีขึ้น ก็มีการหารือกันว่าอาจเป็นช่วงเวลาเหมาะสมที่ควรจะทำ” สุวรรณีกล่าว
สำหรับประเด็นความชัดเจนเกี่ยวกับการยกดอกเบี้ยในกรณีที่ลูกหนี้ที่เข้าร่วมโครงการปฏิบัติตามเงื่อนไขครบทุกปี สุวรรณีกล่าวว่า มาตรการครั้งนี้พยายามที่จะไม่สร้างภาระเพิ่มเติมแก่ลูกหนี้ที่สามารถอยู่ในมาตรการได้จนครบกำหนด ดังนั้นมาตรการที่กำลังจะออกมาจึงไม่ใช่แค่ลดภาระชั่วคราว แต่เป็นระยะยาวมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม สุวรรณีเตือนว่า ลูกหนี้ที่เห็นข่าวและยังมีความสามารถในการชำระหนี้อยู่ควรชำระต่อ อย่าหยุดจ่าย เนื่องจากมาตรการจะมีการกำหนดวัน Cut-off อีกที เนื่องจากสิ่งที่ ธปท. กังวลมากที่สุดคือประเด็นเรื่อง Moral Hazard
พร้อมทั้งแนะว่าหากลูกหนี้มีปัญหาการชำระหนี้ ตอนนี้สามารถเข้าไปติดต่อสถาบันการเงินและเข้าร่วมมาตรการแก้หนี้ต่างๆ ก่อนหน้านี้ไปก่อนได้
