ข้อมูลพฤติกรรมผู้บริโภคชี้ว่า 65% ของผู้ที่เคยทำศัลยกรรมมีแนวโน้มกลับมาทำซ้ำมากกว่า 1 ประเภท โดยการทำจมูกและตาครองอันดับ 1 ของความนิยม ขณะที่กลุ่ม Gen Z กลายเป็นผู้นำเทรนด์รายใหม่ที่น่าจับตา ด้วยสัดส่วนผู้ที่เคยทำศัลยกรรมสูงถึง 35% และยังเป็นกลุ่มที่แสดงความสนใจสูงที่สุดเมื่อเทียบกับ Gen อื่นๆ
ตลาดคลินิกความงามและศัลยกรรมไทยคึกคัก มูลค่าพุ่งแตะ 7.1-7.2 หมื่นล้านบาท สะท้อนพฤติกรรมผู้บริโภคยุคใหม่ที่เปิดใจกับการทำศัลยกรรมมากขึ้น พร้อมแชร์ประสบการณ์ผ่านโซเชียลมีเดีย ขณะที่กลุ่มผู้ชายและ LGBTQIA+ กลายเป็นตลาดใหม่ที่มาแรง
ศูนย์วิจัย SCB EIC เผยโฉมหน้าตลาดคลินิกความงามไทยที่แบ่งเป็น 2 กลุ่มหลัก คือ ธุรกิจบริการหัตถการเสริมความงามและธุรกิจศัลยกรรมความงาม โดยพบว่าธุรกิจหัตถการกำลังขยายฐานลูกค้าเข้าสู่กลุ่มผู้ชายและ Gen Z มากขึ้น ส่วนใหญ่นิยมใช้บริการด้านการรักษาและบำรุงผิวเป็นหลัก ควบคู่กับหัตถการประเภทอื่น ขณะที่ธุรกิจศัลยกรรมความงามได้รับความสนใจเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดจากกลุ่ม Gen Z และ LGBTQIA+
ข้อมูลพฤติกรรมผู้บริโภคชี้ว่า 65% ของผู้ที่เคยทำศัลยกรรมมีแนวโน้มกลับมาทำซ้ำมากกว่า 1 ประเภท โดยการทำจมูกและตาครองอันดับ 1 ของความนิยม ขณะที่กลุ่ม Gen Z กลายเป็นผู้นำเทรนด์รายใหม่ที่น่าจับตา ด้วยสัดส่วนผู้ที่เคยทำศัลยกรรมสูงถึง 35% และยังเป็นกลุ่มที่แสดงความสนใจสูงที่สุดเมื่อเทียบกับ Gen อื่นๆ
สะท้อนให้เห็นชัดจากกรณีของ THE KLINIQUE (เดอะคลีนิกค์) ที่ครองส่วนแบ่งการตลาดอันดับ 1 ในกลุ่มคลินิกความงามขนาดใหญ่ของไทย พร้อมอัตราการเติบโตระดับ 2 หลัก โดยในปี 2566 มีสัดส่วนรายได้จากแผนกผิวหนังและความงาม 80.7% ตามมาด้วยแผนกศัลยกรรมตกแต่ง 10.3% แผนกชะลอวัยและฟื้นฟูสุขภาพ 6.3% รวมทั้งแผนกลดน้ำหนักและดูแลรูปร่าง 2.7%
นพ.อภิรุจ ทองวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เดอะคลีนิกค์ คลินิกเวชกรรม จำกัด (มหาชน) หรือ THE KLINIQUE ระบุว่า ปัจจุบัน THE KLINIQUE มีผู้ใช้บริการกว่า 3 แสนราย โดย 70% เป็นกลุ่มพรีเมียมที่มีความถี่ในการใช้บริการสูงและพร้อมจ่าย 12,000-15,000 บาทต่อครั้ง แบ่งเป็นลูกค้าไทย 85% และต่างชาติ 15% โดยเฉพาะจากกลุ่มประเทศ CLMV และจีน ขณะที่ 6 อันดับศัลยกรรมยอดนิยม ได้แก่ จมูก 46%, ตา 43%, ใบหน้า 26%, ดูดไขมัน 24%, หน้าอก 13% และร่างกาย 9%
ด้านทิศทางธุรกิจ THE KLINIQUE ทุ่มงบ 500 ล้านบาทขยาย 20 สาขาใหม่ทั่วประเทศ เฉลี่ยลงทุน 25-30 ล้านบาทต่อสาขา พร้อมรุกตลาดคนรุ่นใหม่ด้วยแพ็กเกจราคา 3,000-6,000 บาท ตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนลูกค้า Gen Z เป็น 10-20% จากปัจจุบันที่ส่วนใหญ่เป็น Gen X และ Y รวมถึงขยายฐานลูกค้าต่างชาติเป็น 20-25% เนื่องจากเป็นกลุ่มที่มีแนวโน้มใช้บริการต่อเนื่อง
ด้วยกลยุทธ์การขยายฐานลูกค้าเชิงรุก ส่งผลให้ THE KLINIQUE เติบโตเหนือตลาดรวมถึง 3 เท่า หรือประมาณ 30% คาดปี 2567 จะมีรายได้แตะ 2.9-3 พันล้านบาท เติบโต 10% จากปีก่อน พร้อมผนึกกำลัง Warner Music Thailand ปล่อยแคมเปญ ‘หมอไหน’ ครั้งแรกของวงการที่ใช้ Music Marketing เจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่
ล่าสุด THE KLINIQUE รายงานผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2567 ต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ มีรายได้จากการขายและบริการ 749.91 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 26.8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน พร้อมกำไรสุทธิ 74.04 ล้านบาท เติบโต 4.4% อานิสงส์จากการขยาย 19 สาขาใหม่เพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้น สะท้อนภาพการแข่งขันที่ดุเดือดในตลาดความงามมูลค่า 7.2 หมื่นล้านบาท
ทั้งนี้ การที่ประเทศไทยติดอันดับ 1 ใน 5 ศูนย์กลางการแพทย์ความงามของโลกรองจากสหรัฐฯ, เกาหลีใต้, จีน และบราซิล ยิ่งทำให้สงครามแย่งชิงส่วนแบ่งการตลาดทวีความเข้มข้น ท่ามกลางการรุกคืบของผู้ประกอบการรายใหม่ที่พร้อมลงสนามด้วยกลยุทธ์ดึงดูดลูกค้าทั้งไทยและต่างชาติ