หลายคนมองว่าสงครามการค้ารอบใหม่ของ โดนัลด์ ทรัมป์ จีนจะเจ็บหนัก ส่วนไทยอาจได้ประโยชน์จากการย้ายฐานการผลิตจากจีนมาไทย และจากที่ไทยส่งออกไปสหรัฐอเมริกาแทนสินค้าจีน แต่ผมเกรงว่าจะไม่เป็นเช่นนั้นเลยครับ
จีนเจ็บแน่ แต่เกรงว่าที่จะเจ็บหนักยิ่งกว่าจีนคือประเทศกลุ่ม Middle Power ต่างๆ รวมทั้งไทยด้วย
เพราะ Trade War 2.0 จะไม่เหมือนกับสงครามการค้ารอบก่อนที่ประเทศกลุ่ม Middle Power เช่น เวียดนาม เม็กซิโก อินเดีย รวมถึงไทย ได้ประโยชน์ ส้มหล่นจากการย้ายฐานการลงทุนออกจากจีน และสหรัฐฯ เองซื้อสินค้าราคาถูกจากประเทศเหล่านี้แทนสินค้าจีน
แต่นโยบายการค้ารอบนี้ของทรัมป์ชัดมากว่าไม่เหมือนเดิม เพราะเขาประกาศ 3 ข้อ
ข้อแรก จะขึ้นกำแพงภาษีสินค้าจีนที่อัตราร้อยละ 60 เท่ากับ 4 เท่าจากรอบที่แล้ว
ข้อ 2 จะขึ้นกำแพงภาษีสินค้าทั่วโลกที่อัตราร้อยละ 10
ข้อ 3 จะขึ้นกำแพงภาษีสินค้ากับคู่ค้าแต่ละประเทศสูงขึ้นเรื่อยๆ (อัตราร้อยละ 10 นั้นแค่เริ่มต้น) จนกว่าจะถึงจุดสมดุลการค้ากับประเทศนั้นๆ
ความเข้าใจผิดของเราคือ เราไปโฟกัสความสนใจกันที่ข้อ 1 เพราะถ้ามีแค่ข้อ 1 ผลก็จะคล้ายๆ สงครามการค้ารอบที่แล้วที่บริษัทจะย้ายออกจากจีนไปที่อื่น เพื่อขายไปยังตลาดสหรัฐฯ
แต่เป้าหมายของทรัมป์รอบนี้ชัดเจนว่ารอบก่อนยังแรงไม่พอ เพราะรอบก่อนทำให้สหรัฐฯ เพียงเปลี่ยนจากซื้อจากจีนเป็นซื้อจากเวียดนาม เม็กซิโก ไทย และประเทศอื่นๆ แทน แต่รอบนี้เขาต้องการให้เกิดผลให้โรงงานย้ายกลับไปผลิตที่สหรัฐฯ เพื่อให้เกิดมหกรรมการลงทุนครั้งใหญ่ในสหรัฐฯ และฟื้นอุตสาหกรรมการผลิตในสหรัฐฯ ให้เกิดการจ้างงานชนชั้นกลางคนขาวชาวอเมริกัน ซึ่งเป็นฐานเสียงของเขา
ถ้าเพิ่มจากข้อแรกซัดจีน บวกแค่ข้อ 2 คือขึ้นภาษีทั่วโลกอัตราร้อยละ 10 ก็ยังพอเป็นไปได้ว่าจะย้ายฐานการผลิตจากจีนไปที่อื่นและปรับตัวกันไป ยอมเสียภาษีร้อยละ 10 (แต่ดีกว่าผลิตที่จีนเสียร้อยละ 60) แต่นี่เขายังมีข้อ 3 ด้วย คือจะค่อยๆ ขึ้นภาษีสูงขึ้นเรื่อยๆ หากสหรัฐฯ ยังขาดดุลการค้ากับประเทศนั้นๆ อยู่ จนกว่าจะถึงจุดสมดุลทางการค้า
ถ้าเราเป็นบริษัทในจีนที่ผลิตสินค้าส่งไปสหรัฐฯ สัญญาณจากทรัมป์กำลังบอกว่า ถ้าอยากขายให้ตลาดสหรัฐฯ ซึ่งเป็นตลาดที่มีกำลังซื้อสูงที่สุดในโลก ทางเดียวคือต้องมาผลิตที่สหรัฐฯ เท่านั้น หากย้ายไปเวียดนาม เม็กซิโก ไทย หรือที่อื่น ต่อไปก็จะโดนภาษีอยู่ดี และจะค่อยๆ เก็บสูงขึ้นเรื่อยๆ ด้วย
ผมจึงมีข้อสรุปที่อาจแปลกกว่าที่พวกเราเคยได้ยินกันคือ คนที่จะเจ็บหนักที่สุดจาก Trade War 2.0 อาจไม่ใช่จีน แต่กลายเป็นประเทศกลุ่ม Middle Power เดิมที่เคยได้ประโยชน์จากสงครามการค้ารอบแรก รอบนี้จะไม่ได้ประโยชน์และจะเจ็บตัวหนัก
เพราะประเทศกลุ่ม Middle Power (รวมทั้งไทยด้วย) กำลังจะถูกแรงบีบทั้ง 3 ทางพร้อมกัน ตลาดใหญ่ที่สุดอันดับ 1 อย่างสหรัฐฯ ก็ส่งไปไม่ได้ เพราะสหรัฐฯ จะปิดตลาด เพื่อบีบให้บริษัทย้ายฐานกลับมาผลิตที่สหรัฐฯ
ตลาดอันดับ 2 อย่างจีนก็จะปิดตัวมากขึ้นเองโดยธรรมชาติ (ถึงแม้จีนคงจะประชาสัมพันธ์ว่าจะเปิดตลาด) เพราะสินค้าจีนส่งไปสหรัฐฯ ไม่ได้ ก็ต้องเน้นขายในตลาดจีน สินค้าต่างชาติยากจะเข้าไปแย่งส่วนแบ่ง แถมเศรษฐกิจจีนที่มีปัญหาภายในก่อนหน้านี้อยู่แล้ว และถูกซัดซ้ำจากสงครามการค้าของทรัมป์ ก็จะมีกำลังซื้อลดลงจากเดิมมาก
ส่วนตลาดที่เหลือทั่วโลกก็จะแย่ลง เพราะ 1. คลื่นสินค้าราคาถูกจากจีนเมื่อไปสหรัฐฯ ไม่ได้ และเมื่อกำลังซื้อภายในจีนเองก็ลด ก็ย่อมจะออกมาบุกตลาดเหล่านี้มากขึ้น 2. ทุกคนย่อมจะอ่อนแอลงหมด เพราะภาคส่งออกของแต่ละที่ไม่สามารถส่งสินค้าไป 2 ตลาดใหญ่ที่สุดของโลกได้อย่างเมื่อก่อน กำลังซื้อโลกก็จะหดตัวลงมาก ก้อนการค้าโลก ก้อนโลกาภิวัตน์ทางเศรษฐกิจที่ยังเหลืออยู่จะเล็กลงจากเดิมมาก
จีนนั้นเจ็บหนัก เจ็บแน่ ประเมินว่าการเติบโตของ GDP จีนอาจติดลบจากเดิมถึงร้อยละ 2 แต่จีนก็ยังพอมีความแข็งแกร่งภายในที่ยังอดทนฝ่ามรสุมไปได้ ไม่ว่าจะเป็นตลาดภายในที่ใหญ่ ความได้เปรียบเรื่องราคาสินค้าจีนที่จะส่งออกไปยังตลาดอื่นแทน คนจีนยังมีเงินเก็บมากและไม่มีหนี้ครัวเรือน ทำให้อดทนต่อความยากลำบากได้ และจีนยังมีภาคเทคโนโลยีใหม่ที่กำลังเติบโตขึ้นมา รวมทั้งภาคพลังงานสะอาดที่จีนจะสวมบทผู้นำแทนสหรัฐฯ ที่จะถอยจากวงการนี้
ส่วนสหรัฐฯ เองก็คงแย่ลง คนสหรัฐฯ จะต้องซื้อของราคาแพงขึ้น แต่ทีมมันสมองด้านเศรษฐกิจของทรัมป์อย่าง โรเบิร์ต ไลต์ไทเซอร์ ประกาศแล้วว่า ถ้าให้เลือกระหว่างคนสหรัฐฯ ตกงาน แต่ได้ซื้อของราคาถูกจากจีน เวียดนาม และเม็กซิโก กับให้คนสหรัฐฯ มีงานดีๆ ในโรงงานทำ แต่ซื้อของราคาแพงขึ้นหน่อย เขาเลือกแบบที่ 2 เขาต้องการให้อุตสาหกรรมการผลิตกลับมาเป็นฐานเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ซึ่งจะทำให้เกิดความมั่นคงทางเศรษฐกิจ (ไม่ต้องพึ่งสินค้าจากข้างนอก โดยเฉพาะจากศัตรูคู่แข่งอย่างจีน รวมทั้งจากที่อื่นที่ก็อาจเป็นจีนแปลงตัวไปผลิตที่นั่นหรือเชื่อมกับซัพพลายเชนจีนอยู่ดี)
แต่ประเทศ Middle Power นี่สิครับจะแย่กันหมด ไม่ว่าจะเป็นยุโรปที่น่าจะเกิดภาวะ Recession ต่อเนื่องแน่ โดยเฉพาะเยอรมนีที่พึ่งพาทั้งตลาดสหรัฐฯ และจีน และแน่นอน เวียดนาม เม็กซิโก อินเดีย รวมทั้งไทย ก็จะเจ็บตัวกันหมด อย่าหวังว่าจะเป็นตาอยู่ได้คว้าพุงปลามากินเหมือนครั้งก่อน
ยิ่งหากเป็นประเทศที่พึ่งพาการส่งออกสูง และพึ่งพาตลาดสหรัฐฯ และตลาดจีนสูงอย่างไทย และกำลังซื้อภายในเปราะบางด้วยปัญหาหนี้ครัวเรือน ย่อมจะเผชิญความท้าทายจากโครงสร้างเศรษฐกิจมากเป็นพิเศษจากสงครามการค้ารอบใหม่ของทรัมป์
ส่วนหากใครยังแอบหวังลึกๆ ว่านโยบายการค้าของทรัมป์เป็นเพียงคำขู่เอาไว้ใช้เจรจาต่อรอง หรือคงไม่ทำถึงในระดับที่หาเสียงไว้ ผมคิดว่าท่านน่าจะผิด เพราะทรัมป์และทีมของทรัมป์ชัดเจนในทุกการสัมภาษณ์ว่าแผนการใหญ่ของเขาเป็นแผนในระดับ ‘ปฏิวัติ’ โครงสร้างเศรษฐกิจโลก เลิกโลกาภิวัตน์ทางเศรษฐกิจ และมีทีมของเขาออกมาเตือนนักลงทุนแล้วว่าทำจริง และที่สำคัญจะทำเร็ว (เริ่มทันที) และทำแรงด้วย
ใครจึงอย่าคิดว่าสงครามการค้ารอบใหม่จะคล้ายรอบเก่า เรากำลังพูดถึง Trade War คนละสเกลและคนละเป้าหมาย ครั้งที่แล้วแค่เพียงว่าจะไม่ซื้อจากจีน ไปซื้อจากที่อื่นแทน แต่ครั้งนี้ต้องการถึงขั้นบีบให้บริษัทมาผลิตที่สหรัฐฯ หากยังต้องการเข้าถึงตลาดใหญ่ที่สุดในโลกต่อไป
ภาพ: Allison ROBBERT / POOL / AFP