วันนี้ (13 พฤศจิกายน) เวลา 17.30 น. ที่วัดศรีนคราราม อำเภอกุมภวาปี จังหวัดอุดรธานี ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยแกนนำพรรคเพื่อไทย อาทิ ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี ขึ้นเวทีปราศรัยช่วย ศราวุธ เพชรพนมพร ผู้สมัครนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) อุดรธานี ในนามพรรคเพื่อไทย หาเสียง โดยมีประชาชนกว่า 10,000 คนมานั่งรอฟังการปราศรัย
ณัฐวุฒิปราศรัยว่า นี่ไม่ใช่วาระเรื่องนายก อบจ. แต่เป็นวาระประวัติศาสตร์ที่ทักษิณซึ่งเป็นอดีตนายกฯ มีผลงานมากมายในอดีต กำลังเดินทางมาที่นี่ และวันนี้เราไม่ได้หาเสียงแต่มาหาคะแนนให้ศราวุธล้วนๆ การเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาจนถึงการจัดตั้งรัฐบาลพรรคเพื่อไทย และ แพทองธาร ชินวัตร เป็นนายกฯ เศรษฐกิจและปัญหาประเทศมากมายต้องการการแก้ไข
แต่ถามว่ารัฐบาลนี้ทำงานโรยด้วยกลีบกุหลาบหรือไม่ ก็ไม่ เพราะมีคนคอยจ้องคอยแซะอยู่ตลอด ชาวบ้านปวดหัวกับดิไอคอน แต่รัฐบาลปวดหัวกับดิอาฆาต ผ่านมา 10 ปียังอาฆาตอยู่ แม้รัฐบาลขยับซ้ายเขาก็ด่าขวา รัฐบาลขยับขวาเขาก็ด่าซ้าย เอาเรื่องเกาะกูดมาโจมตี ขอให้พี่น้องชาวอุดรธานีไม่ต้องเสียกำลังใจ ไม่มีเรื่องเสียแผ่นดินแน่นอน มีแต่เรื่องเสียเวลากับดิอาฆาต ดังนั้นขอให้ตั้งหลักดีๆ ให้เวลาที่รัฐบาลเหลืออยู่อีก 2 ปีกว่าได้ทำหน้าที่
ณัฐวุฒิกล่าวต่อว่า แม้จะมีการจ้องยุบพรรค ซึ่งไม่มีในรัฐธรรมนูญมาก่อน เพิ่งมามีตอนปี 2560 ในปี 2554 พรรคเพื่อไทยหาเสียงด้วยแคมเปญ ‘ทักษิณคิด เพื่อไทยทำ’ ตอนนั้น ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกฯ และมีการเขียนในรัฐธรรมนูญว่าห้ามครอบงำ ไม่เช่นนั้นจะยุบพรรค แต่พรรคการเมืองต้องฟังเสียงของประชาชน ประชาชนมีสิทธิที่จะบอกให้รัฐบาลทำนั่นทำนี่ หากเป็นเช่นนี้ก็ถือว่าครอบงำกันใช่หรือไม่ หรือหากแพทองธารไปเจอชาวบ้านแล้วเขาบอกให้โอนเงิน 10,000 บาท รอบที่ 2 มาให้หน่อย แล้วรัฐบาลโอน แบบนี้ก็ถือเป็นการครอบงำใช่หรือไม่
ณัฐวุฒิกล่าวต่อว่า ตนทราบข่าวว่าหลังจากที่แพทองธารกลับจากเปรูจะมีข่าวดีเกี่ยวกับการปรับโครงสร้างการแก้หนี้ ทุกครั้งที่เป็นรัฐบาลเรามีนโยบายที่จดจำอยู่ในหัวใจของประชาชน รัฐบาลนี้ไม่ใช่เวทีหมอลำ แต่ทำไมถึงมีนักร้องเยอะเหลือเกิน และรัฐบาลแพทองธารจะอยู่ครบวาระแน่นอน ขอพี่น้องอย่าไปกังวลเลย เพราะนักร้องบางคนภัยจะถึงตัว เดี๋ยวเขาจะถูกร้องเหมือนกัน แต่ไม่ใช่พรรคเพื่อไทยที่จะไปร้อง แต่เป็นคนที่เขารำคาญจะไป ย้ำว่าขออย่ากังวลและขอให้ปักหลักเดินไปด้วยกัน
ณัฐวุฒิกล่าวอีกว่า เราต้องจับเข่าคุยกันสักที ครั้งที่ผ่านมาเราเคยได้ สส. ยกจังหวัด แต่ครั้งที่ผ่านมาเราพลาดไป 3 เขต คราวนี้เลยต้องมาทวงสัญญา สบตากัน ขอให้ยกจังหวัดสักทีเพื่อเอาไปทำงาน ซึ่งเมื่อศราวุธได้รับเลือกเข้ามาแล้วสามารถทำงานได้เลย ไม่ใช่เด็กฝึกงาน เพราะเขาเคยเป็น สส. มาก่อน รวมถึงเคยเป็นประธานคณะกรรมาธิการ
ณัฐวุฒิกล่าวอีกว่า ตนได้ยินจาก วิเชียร ขาวขำ อดีตนายก อบจ.อุดรธานี ว่ามีพรรคไหนไม่รู้มาปราศรัยว่า อบจ.อุดรธานี มีงบประมาณปีละ 1.2 พันล้านบาท อยู่ในตำแหน่ง 4 ปีมีงบประมาณ 4.8 พันล้านบาท จะเอางบนี้ให้นายก อบจ. บริหาร แต่ที่ผ่านมาได้งบปีละ 1.2 พันล้านบาท เป็นเงินเดือนและงบประจำไปแล้วตั้งเท่าไร ซึ่งเหลืองบประมาณบริหารก็ไม่มาก ถ้า อบจ. เชื่อมกับรัฐบาลเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ถ้าศราวุธร่วมงานกับแพทองธาร พลังการบริหารส่วนกลางสู่การบริหารส่วนท้องถิ่นจะหนุนส่งให้พี่น้องอุดรธานี ขณะนี้พี่น้องจากหลายจังหวัดก็เดินทางมารับฟังการปราศรัย และขอประกาศสักทีว่าจังหวัดอุดรธานีเป็นเมืองหลวงของคนเสื้อแดงอีสาน
“รัฐบาลเตรียมของขวัญให้ประชาชนมากมายมหาศาลแต่ขออุบไว้ก่อน แต่ที่ต้องประกาศแน่ๆ วันนี้คือวันที่ 24 พฤศจิกายน ขอให้เลือกศราวุธ ชื่อเล่นชื่อป๊อป เป็นชื่อที่เป็นมงคล ชื่อป๊อปภาษาอังกฤษคือป๊อปปูลาร์ แปลว่ามีชื่อเสียง โด่งดัง ป๊อปคอร์นนะครับ ไม่ใช่แห้ว รัฐบาลนี้ไม่กลัวเรื่องทักษิณครอบงำ ที่น่ากลัวมากกว่าคือกลุ่มพลังต่างๆ ที่คอยแทรกแซง เพราะความฉลาดอย่างทักษิณประเทศไทยต้องนำมาใช้ ไม่รู้ว่าเป็นอะไรพวกที่อาฆาตเขาจึงเห็นชื่อทักษิณไม่ได้ เห็นแล้วตาขวางตาเหลือก ทั้งที่ท่านตกระกำลำบากอยู่ต่างประเทศมากว่า 20 ปี ทำอะไรก็ไม่ได้ ขนาดจะป่วยก็ยังไม่ให้ป่วย คนอายุ 75 ปีจะป่วยบ้างไม่ได้หรือ” ณัฐวุฒิกล่าว
ณัฐวุฒิกล่าวอีกว่า ถ้าได้ศราวุธเป็นนายก อบจ. ตนจะชวนทักษิณมานอนที่จังหวัดอุดรธานีอีก คราวนี้กากันใหม่ รัฐบาลเพื่อไทยทำงานได้จริง หากทำงานไม่ได้ไม่เสนอตัวมาเป็น และแพทองธารมาไม่กี่เดือน โพลสำรวจมาเป็นอันดับ 1 อยู่ขณะนี้ หมายความว่าคนตอบรับและเชื่อมั่นรัฐบาลพรรคเพื่อไทย คนเห็นแล้วว่าจะฝากความหวังไว้ที่รัฐบาลแพทองธาร และหากศราวุธเข้าวินจะชวนแพทองธารมาเยี่ยมจังหวัดอุดรธานีด้วย ขอลูกน้องคู่ใจของทักษิณอย่างศราวุธไปทำงาน หากไม่ใช่คนที่ทักษิณเชื่อมั่นท่านไม่มาถึงที่นี่หรอก อีกทั้งท่านมาเพราะความเชื่อมั่นในพรรค ขออย่าให้ผิดหวัง
“เพื่อไทยเจ็บปวดที่สุดเพราะมีนายกฯ ถูกถอน 5 คนแล้ว ถูกหั่นซ้ายหั่นขวามาโดยตลอด ระดับแกนนำถูกตัดสิทธิ 200 กว่าคน หากไม่ดีกับประชาชนเราไม่มาถึงที่นี่ เราไม่สามารถฝ่าคลื่นฝืนลม หากไม่เคยเคียงข้างประชาชนก็จะไม่สามารถผ่านภัยร้ายอันตรายทั้งหลายจนมาเป็นรัฐบาลวันนี้ได้ แต่วันนี้ที่ยังยืนอยู่ แม้เลือดจะท่วมตัวแต่เราไม่ยอมตาย เพราะหัวใจคือประชาชน หัวใจคนคืออีสาน หัวใจคือคนอุดรธานี เราเลือดเดียวกัน” ณัฐวุฒิกล่าว