หลายคนคงเคยมีประสบการณ์แปลกๆ ที่วันหนึ่งรู้สึกหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก พร้อมจะระเบิดอารมณ์ใส่ใครก็ตามที่เข้ามาขวางหน้า แต่พอได้รับประทานอาหารเข้าไปกลับรู้สึกสบายใจขึ้นอย่างน่าประหลาด ปรากฏการณ์นี้ไม่ใช่เรื่องแปลก และมีชื่อเรียกเฉพาะว่า ‘Hanger’ ซึ่งเป็นคำสแลงที่มาจากการผสมคำระหว่าง ‘Hungry’ (หิว) และ ‘Angry’ (โกรธ) หมายถึงอาการโกรธที่มีสาเหตุมาจากความหิวนั่นเอง
ร่างกายของเรามีกลไกที่ซับซ้อนในการรักษาสมดุล เมื่อเราไม่ได้รับประทานอาหารเป็นเวลานาน ระดับน้ำตาลในเลือดจะลดต่ำลง ส่งผลให้สมองซึ่งต้องการพลังงานจากน้ำตาลในการทำงานเริ่มขาดเชื้อเพลิง เมื่อสมองไม่ได้รับพลังงานเพียงพอ การควบคุมอารมณ์จะทำได้ยากขึ้น และรู้ไหมว่าร่างกายยังตอบสนองด้วยการหลั่งฮอร์โมนความเครียดออกมา ทำให้อารมณ์แปรปรวนง่ายอีกด้วย
ถ้าสังเกตตัวเองแล้วพบว่ากำลังรู้สึกหงุดหงิดโดยไม่มีเหตุผล มือสั่น เหงื่อออก หรือมีอาการปวดหัวร่วมด้วย นี่อาจเป็นสัญญาณว่าคุณกำลังหิว การแก้ไขที่ดีที่สุดคือการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ทันที แต่หากไม่สามารถรับประทานอาหารได้ในทันที การหายใจลึกๆ ช้าๆ และจิบน้ำ ก็สามารถช่วยบรรเทาอาการได้ชั่วคราว
การป้องกันไม่ให้เกิดอาการ Hanger
ทำได้โดยการวางแผนมื้ออาหารให้เหมาะสม พยายามรับประทานอาหารให้ตรงเวลา และไม่ควรปล่อยให้ท้องว่างนานเกิน 4-5 ชั่วโมง การเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เช่น อาหารที่มีโปรตีน, ธัญพืชไม่ขัดสี, ผัก และผลไม้ จะช่วยรักษาระดับน้ำตาลในเลือดให้คงที่ได้ดีกว่าอาหารจำพวกแป้งและน้ำตาล
หมั่นสังเกตร่างกายและใจตัวเองอยู่เสมอ
การรู้จักสังเกตตัวเองก็เป็นสิ่งสำคัญ ลองสังเกตว่าช่วงเวลาไหนที่มักจะเกิดอาการหงุดหงิดบ่อยๆ และพยายามเตรียมตัวให้พร้อม เช่น พกขนมหรืออาหารว่างที่มีประโยชน์ติดตัวไว้เสมอ หลีกเลี่ยงการตัดสินใจสำคัญในช่วงที่หิว และที่สำคัญคือการบอกคนรอบข้างให้เข้าใจว่าคุณกำลังมีอาการ Hanger เพื่อหลีกเลี่ยงความขัดแย้งที่อาจเกิดขึ้น
การทำความเข้าใจเรื่อง Hanger จะช่วยให้เราจัดการกับอารมณ์ได้ดีขึ้น เพราะบางครั้งสิ่งที่เราคิดว่าเป็นความโกรธอาจเป็นเพียงสัญญาณเตือนจากร่างกายว่าต้องการอาหารเท่านั้น ครั้งหน้าเมื่อรู้สึกหงุดหงิดโดยไม่มีสาเหตุ ลองถามตัวเองก่อนว่า “เราอาจแค่กำลังหิวหรือเปล่านะ?” และจัดการกับความหิวนั้นอย่างเหมาะสมแทนที่จะปล่อยให้อารมณ์พาไป การเข้าใจและดูแลตัวเองในจุดนี้จะช่วยให้เรามีความสัมพันธ์ที่ดีกับทั้งตัวเองและคนรอบข้างอย่างยั่งยืน