วันนี้ (31 ตุลาคม) พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประธานที่ปรึกษาคณะก้าวหน้า และอดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล ร่วมกิจกรรม Reading Group หัวข้อ ‘How Democracies Die มรณกรรมประชาธิปไตย’ ที่คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย รวมถึงวิเคราะห์การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 5 พฤศจิกายนนี้ ในฐานะที่เป็นอดีตนักการเมืองและอดีตแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี
อีกทั้งพิธายังได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนถึงประเด็นต่างๆ ทางการเมือง อาทิ กรณีการเจรจาผลประโยชน์ปิโตรเลียมในกรอบบันทึกความเข้าใจไทย-กัมพูชา ว่าด้วยพื้นที่อ้างสิทธิทับซ้อนทางทะเลในไหล่ทวีป (MOU 44) โดยมองว่ารัฐบาลควรเร่งทำความเข้าใจกับประชาชนให้ชัด และส่วนตัวมองว่าพื้นที่เกาะกูดไม่ได้รวมอยู่ในพื้นที่ทับซ้อนทางทะเล (Overlapping Claims Area: OCA) ระหว่างไทยกับกัมพูชา
“รัฐบาลเองก็ต้องออกมาพูดให้ชัดว่าถ้าจะทำเรื่องเกี่ยวกับปิโตรเลียมต้องจำกัดให้ไม่เกี่ยวข้องกับเกาะกูด และเกาะกูดไม่มีทางเป็นของชาติอื่นยกเว้นประเทศไทย เพราะเรื่องนี้ไม่ใช่แค่การตกลงกันระหว่างไทยกับกัมพูชา แต่คือเรื่องระดับสหประชาชาติที่มีระเบียบโลกบอกไว้แล้วว่าเรื่องแบบนี้เป็นปัญหาเรื่องอาณาเขต (Territorial Issue) ของแต่ละชาติ” พิธากล่าว
นอกจากนี้พิธายังตอบคำถามเกี่ยวกับผลสำรวจของนอร์ทกรุงเทพโพลที่พบว่าประชาชนไม่เชื่อมั่นพรรคร่วมฝ่ายค้าน โดยกล่าวว่า ส่วนตัวไม่ค่อยดูตัวเลข แต่จะดูว่าใครเป็นผู้ทำโพล ก่อนจะนำมาวิเคราะห์เพื่อดูข้อที่ควรปรับปรุง สำหรับพรรคประชาชนเอง หากดูตามเนื้อผ้าและติดตามการทำงานของผู้นำฝ่ายค้าน อย่างน้อยที่สุดก็ทำได้เทียบเท่ากับมาตรฐานเมื่อครั้งเป็นพรรคก้าวไกล ไม่ตกลงแน่นอน และเชื่อว่าจะสามารถบริหารจัดการได้
“ในฐานะที่เป็นอดีตเพื่อนร่วมงานมา 5-6 ปี เห็นว่าพรรคประชาชนก็มีความตั้งใจทำงานเพื่อคนไทย ไม่ใช่เป็นพรรคประชาชนที่มีนามสกุลเมียนมา ไม่ใช่พรรคประชาชน BRN แน่นอน แต่เพราะมีความตั้งใจทำงานแก้ปัญหาให้คนไทย” พิธาระบุ