วันนี้ (11 กันยายน) ครบรอบ 20 ปี ‘เหตุวินาศกรรม 9/11’ โศกนาฎกรรมครั้งใหญ่ใจกลางมหานครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา เมื่อปี 2001 โดยสมาชิกผู้สนับสนุนกลุ่มก่อการร้ายอัลกออิดะห์ 19 รายปล้นเครื่องบินโดยสาร 4 ลำ ก่อนที่จะปฏิบัติการพลีชีพ ขับเครื่องบิน 2 ลำพุ่งชนเข้ากับอาคาร World Trade Center ตึกแฝด หนึ่งในสัญลักษณ์ของความมั่งคั่งของสหรัฐฯ และเป็นหนึ่งในศูนย์กลางทางเศรษฐกิจที่สำคัญของโลกในช่วงเวลานั้นอีก 1 ลำพุ่งเข้าชนกับอาคารเพนตากอน อันเป็นที่ตั้งของกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ และลำสุดท้ายตกลงกลางทุ่งในรัฐเพนซิลเวเนีย ซึ่งคาดว่ากลุ่มผู้ก่อการร้ายตั้งใจจะโจมตีทำเนียบขาวหรืออาคารรัฐสภาสหรัฐฯ
เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตทั้งหมด 2,996 ราย (รวมผู้ก่อการร้าย 19 ราย) โดยผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในรัฐนิวยอร์ก คาดมีผู้เสียชีวิตเป็นพลเมืองสัญชาติต่างๆ กว่า 93 ประเทศ และมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีกราว 25,000 ราย โดยหนึ่งในสาเหตุสำคัญของการก่อการร้ายในครั้งนี้ เกิดจากกระแสความไม่พอใจที่รัฐบาลสหรัฐฯ เข้าไปมีส่วนสนับสนุนการต่อต้านและการเลือกปฏิบัติต่อชุมชนชาวมุสลิมในหลายพื้นที่ทั่วโลก
รัฐบาลสหรัฐฯ ตัดสินใจเข้าไปทำสงครามต่อต้านการก่อการร้ายในอัฟกานิสถาน ตั้งแต่ช่วงต้นเดือนตุลาคม 2001 หลังกลุ่มตาลีบันที่ปกครองประเทศอยู่ในขณะนั้น ปฏิเสธที่จะส่งตัว อุซามะห์ บิน ลาเดน ผู้ที่อยู่เบื้องหลังการก่อเหตุวินาศกรรมดังกล่าวให้กับทางการสหรัฐฯ และนำไปสู่การโค่นล้มรัฐบาลตาลีบันได้ภายในปีเดียวกันนั้น
ระยะเวลาผ่านไปราว 10 ปี รัฐบาลสหรัฐฯ ยังคงส่งทหารไปปฏิบัติภารกิจในอัฟกานิสถาน รวมถึงไล่ล่าบิน ลาเดนอย่างต่อเนื่อง จนในที่สุดก็สามารถสังหารหัวหน้ากลุ่มอัลกออิดะห์รายนี้ลงได้ภายในแหล่งกบดานที่เมืองแอบบอตตาบัด ประเทศปากีสถาน จนท้ายที่สุดประธานาธิบดีโจ ไบเดน ตัดสินใจถอนทหารอเมริกันออกจากอัฟกานิสถานทั้งหมดภายในสิ้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา สิ้นสุดภารกิจสงครามอัฟกันที่ดำเนินมาตลอดเกือบ 2 ทศวรรษ เปิดโอกาสให้กลุ่มกองกำลังติดอาวุธตาลีบันกลับขึ้นมามีอำนาจอีกครั้ง หลังโค่นล่มรัฐบาลและยึดกรุงคาบูล เมืองหลวงของประเทศได้สำเร็จ
นี่คือประมวลภาพเหตุการณ์ จากเหตุวินาศกรรม 9/11 ไปจนถึงการทำสงครามต่อต้านการก่อการร้าย กระทั่งการถอนทหารอเมริกันคนสุดท้ายในอัฟกานิสถาน ซึ่งถือเป็นการยุติสงครามในอัฟกานิสถานอย่างเป็นทางการ
11 กันยายน 2001: กลุ่มก่อการร้ายอัลกออิดะห์ปล้นเครื่องบินโดยสาร พร้อมปฏิบัติการพลีชีพ ขับเครื่องบินพุ่งเข้าชนอาคาร World Trade Center ที่ตั้งอยู่ใจกลางมหานครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตเกือบ 3,000 ราย ได้รับบาดเจ็บอีกราว 25,000 ราย เป็นหมุดหมายสำคัญที่ทำให้รัฐบาลสหรัฐฯ ตัดสินใจทำสงครามต่อต้านการก่อการร้าย (War on Terror)
ภาพ: Spencer Platt / Getty Images
หนึ่งในตึกแฝดของ World Trade Center กำลังจะพังถล่มลงมา หลังจากเครื่องบินพลีชีพของกลุ่มก่อการร้าย 2 จาก 4 ลำพุ่งเข้าชน คาดว่าหลังจากที่เครื่องบินลำแรกพุ่งเข้าชนตึกแฝดดังกล่าว มีผู้คนอยู่ภายในตัวอาคารราว 17,400-18,000 ราย
ภาพ: Thomas Nilsson / Getty Images
เครื่องบินพลีชีพหนึ่งลำพุ่งชนเข้ากับอาคารเพนตากอน ตึกรูปทรง 5 เหลี่ยม อันเป็นที่ตั้งของกระทรวงกลาโหมของสหรัฐฯ ที่ตั้งอยู่ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ส่วนอีกหนึ่งลำที่เหลือตกลงกลางทุ่งในรัฐเพนซิลเวเนีย ซึ่งคาดว่ากลุ่มผู้ก่อการร้ายตั้งใจจะโจมตีทำเนียบขาวหรืออาคารรัฐสภาสหรัฐฯ แต่อาจเกิดเหตุขัดข้องเสียก่อน หลังจากลูกเรือและผู้โดยสารบางส่วนพยายามขัดขืนและจะยึดเครื่องบินคืนจากกลุ่มผู้ก่อการร้าย
ภาพ: Alex Wong / Getty Images
ผู้คนจำนวนไม่น้อยต่างวิ่งหนีฝุ่นละอองที่ฟุ้งกระจายไปทั่วบริเวณ หลังอาคาร World Trade Center พังถล่มลงมา
ภาพ: Jose Jimenez / Primera Hora / Getty Images
ทีมกู้ภัยและอาสาสมัครต่างพยายามช่วยกันค้นหาผู้รอดชีวิต รวมถึงร่างผู้เสียชีวิตที่ติดอยู่ภายในซากอาคารที่พังถล่มลงมา โดยมียอดผู้เสียชีวิตทั้งจากภายในซากอาคารและ/หรือเสียชีวิตภายหลังจากที่ได้รับความช่วยเหลือออกจากซากอาคารแล้วรวม 2,606 ราย นับเป็นประวัติศาสตร์บาดแผลครั้งใหญ่ของพลเมืองอเมริกัน
ภาพ: Mario Tama / Getty Images
จอร์จ ดับเบิลยู บุช ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในขณะนั้นประณามเหตุก่อการร้ายดังกล่าว พร้อมแสดงความเสียใจกับโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้น ก่อนที่จะตัดสินใจเริ่มต้นดำเนินนโยบายการทำสงครามต่อต้านการก่อการร้าย โดยเฉพาะในอัฟกานิสถานและตะวันออกกลาง
ภาพ: Mark Wilson / Getty Images
ดิก เชนีย์ รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ พูดคุยโทรศัพท์กับประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช ขณะกำลังประชุมหารือวาระเร่งด่วนถึงมาตรการรับมือและตอบโต้เหตุก่อการร้าย 9/11 กับ คาเรน ฮิวจ์ส (ซ้ายสุด) ที่ปรึกษาประธานาธิบดีและ คอนโดลีซซา ไรซ์ (ตรงกลาง) ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติ ซึ่งในเวลาต่อมาไรซ์จะได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศหญิงคนที่ 2 ในประวัติศาสตร์การเมืองของสหรัฐฯ ในการดำรงตำแหน่งผู้นำประเทศสมัยที่ 2 ของจอร์จ ดับเบิลยู บุช
ภาพ: The White House / Getty Images
ภาพใบหน้าของ อุซามะห์ บิน ลาเดน ผู้เชื่อว่าอยู่เบื้องหลังการก่อเหตุวินาศกรรม 9/11 ปรากฏอยู่บนหน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์และสื่อหลายสำนัก เริ่มต้นภารกิจตามล่าตัวหัวหน้ากลุ่มก่อการร้ายที่ทรงอิทธิพลมากที่สุดในช่วงเวลานั้น
ภาพ: Richard Baker / In Pictures via Getty Images Images
ตุลาคม 2001: กองทัพสหรัฐฯ ทยอยเคลื่อนย้ายกำลังทางทหารเข้าร่วมสงครามต่อต้านการก่อการร้ายในอัฟกานิสถาน โดยมีภารกิจตามล่าตัว อุซามะห์ บิน ลาเดน และป้องปรามกลุ่มกองกำลังติดอาวุธตาลีบันที่พัวพันกับกลุ่มก่อการร้ายอัลกออิดะห์ เริ่มต้นภารกิจ ‘พิทักษ์สันติภาพ’ ในอัฟกานิสถานนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
ภาพ: U.S. Navy / Getty Images
กองทัพสหรัฐฯ เข้าไปมีส่วนสำคัญในการป้องปรามกลุ่มกองกำลังติดอาวุธตาลีบันและกลุ่มก่อการร้ายอื่นๆ ภายในอัฟกานิสถานและตะวันออกกลาง รวมถึงสนับสนุนการฝึกและอาวุธยุทโธปกรณ์ให้แก่กองทัพอัฟกันและกลุ่มต่อต้านตาลีบัน
ภาพ: Baz Ratner / Reuters
1 พฤษภาคม 2011: ประธานาธิบดีบารัก โอบามา รองประธานาธิบดีโจ ไบเดน, ฮิลลารี คลินตัน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ และบรรดาสมาชิกทีมความมั่นคงแห่งชาติ กำลังเฝ้าติดตามภารกิจสังหาร อุซามะห์ บิน ลาเดน ภายในแหล่งกบดานสุดท้ายที่เมืองแอบบอตตาบัดในปากีสถาน หลังจากค้นหาตัวมานานเกือบ 10 ปี
ภาพ: Pete Souza / The White House via Getty Images
บรรยากาศภายนอกแหล่งกบดานสุดท้ายของ อุซามะห์ บิน ลาเดน ในเมืองแอบบอตตาบัดของปากีสถาน ภายหลังจากที่กองกำลังสหรัฐฯ สังหารบิน ลาเดนได้สำเร็จ เมื่อ 2 พฤษภาคม 2011 มีผู้คนจำนวนมากต่างมารวมตัวกันบริเวณหน้าที่พักหลังดังกล่าว
ภาพ: Aamir Qureshi / AFP
ประธานาธิบดีโจ ไบเดน เร่งถอนกำลังทางทหารของสหรัฐฯ ออกจากอัฟกานิสถานโดยเร็ว ซึ่งเดดไลน์ไว้วันที่ 31 สิงหาคม 2021 ชี้ภารกิจของสหรัฐฯ ภายในอัฟกานิสถานสำเร็จลุล่วงแล้ว ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ความรุนแรงที่อาจยกระดับขึ้นและเกิดเหตุปะทะกับกลุ่มตาลีบันในพื้นที่ที่สหรัฐฯ ถือครองตั้งแต่ปี 2001 และกำลังจะถอนกำลังออก
โดยไบเดนได้ทวีตข้อความผ่านบัญชีทวิตเตอร์ (@POTUS) ระบุว่า “เราเดินทางไปยังอัฟกานิสถานเมื่อเกือบ 20 ปีที่แล้ว ด้วยเป้าหมายที่ชัดเจนคือ จัดการกับกลุ่มผู้ลงมือก่อเหตุวินาศกรรม 9/11 เมื่อวันที่ 11 กันยายน 2001 และสร้างหลักประกันว่า กลุ่มอัลกออิดะห์จะไม่สามารถใช้อัฟกานิสถานเป็นฐานทัพในการโจมตีสหรัฐฯ ได้อีก เราทำสิ่งนั้นสำเร็จแล้วเมื่อทศวรรษที่ผ่านมา ภารกิจของเราไม่ควรจะเป็นการสร้างชาติ”
ภาพ: Chip Somodevilla / Getty Images
บรรยากาศภายในห้องโดยสารของเครื่องบินขนส่ง C-17 Globemaster III ของกองทัพอากาศสหรัฐฯ ขณะกำลังช่วยเคลื่อนย้ายผู้คนจำนวนมากออกจากกรุงคาบูล เมืองหลวงของอัฟกานิสถาน เพื่อมุ่งหน้าสู่กาตาร์ หลังกลุ่มตาลีบันยึดกรุงคาบูลและโค่นล้มรัฐบาลอัฟกันที่บรรดาชาติตะวันตกให้การสนับสนุนได้สำเร็จ เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2021
ภาพ: Courtesy of Defense One / Handout via Reuters
29 สิงหาคม 2021: โจ ไบเดน และ จิลล์ ไบเดน ประธานาธิบดี และสุภาพสตรีหมายเลข 1 ของสหรัฐอเมริกา พร้อมด้วย ลอยด์ ออสติน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ และคณะทำงานต่างร่วมไว้อาลัยให้แก่ทหารอเมริกัน 13 นาย หลังเสียชีวิตจากเหตุระเบิดใกล้กับสนามบินในกรุงคาบูล เมืองหลวงของอัฟกานิสถาน เชื่อว่าเป็นฝีมือของกลุ่มไอซิส-เค (ISIS-K) กลุ่มติดอาวุธท้องถิ่นที่เป็นเครือข่ายย่อยของกลุ่มก่อการร้ายอันดับ 1 ของโลกอย่างกลุ่มไอเอส (IS) ก่อนเดดไลน์การถอนกำลังทหารจะมาถึงในอีกไม่กี่วันข้างหน้า
ไบเดน ระบุว่า “ทหารหาญทั้ง 13 นายที่เสียชีวิตไปคือวีรบุรุษที่เสียสละอย่างใหญ่หลวงเพื่ออุดมการณ์อเมริกันอันสูงสุดของพวกเราและขณะเดียวกันก็ได้ช่วยชีวิตผู้อื่น
“ความกล้าหาญและความเสียสละของพวกเขา ทำให้ผู้คนกว่า 117,000 คนที่ตกอยู่ในภาวะเสี่ยงอันตรายถึงที่หมายอย่างปลอดภัย”
ภาพ: Tom Brenner / Reuters
30 สิงหาคม 2021: พล.ต. คริส โดนาฮิว ทหารอเมริกันคนสุดท้ายกำลังเดินขึ้น เครื่องบินขนส่ง C-17 Globemaster III ของกองทัพอากาศสหรัฐฯ เที่ยวบินสุดท้ายที่จอดอยู่ ณ สนามบินนานาชาติฮามิด การ์ไซ ในกรุงคาบูล ระหว่างการถอนกองกำลังทหารสหรัฐฯ ชุดสุดท้ายออกจากอัฟกานิสถาน ก่อนครบกำหนดเดดไลน์ (31 สิงหาคม) และปิดฉากสงครามอัฟกันที่ยืดเยื้อมานานเกือบ 20 ปี ขณะที่กลุ่มตาลีบันยึดกรุงคาบูล พร้อมประกาศชัยชนะ และได้หวนคืนสู่อำนาจปกครองอัฟกานิสถานอีกครั้ง ท่ามกลางคำถามมากมายว่า ตลอด 20 ปีที่สหรัฐฯ เข้าสู่สมรภูมิ คุ้มค่าหรือไม่ และเป็นผู้ชนะจริงหรือ
ภาพ: U.S. Central Command via Getty Images
11 กันยายน 2021: ครบรอบ 20 ปี เหตุวินาศกรรม 9/11 ประวัติศาสตร์บาดแผลครั้งใหญ่ในการเมืองระหว่างประเทศที่นำไปสู่สงคราม ความขัดแย้ง และความสูญเสียอีกนับครั้งไม่ถ้วนตลอดระยะเวลาเกือบสองทศวรรษที่ผ่านมา
แด่ทุกการสูญเสีย #September11 #NeverForget
ภาพ: Education Images / Universal Images Group via Getty Images
อ้างอิง:
