หลังจากอยู่ในภาวะราคาตกต่ำมาร่วม 2 ปี ตอนนี้ราคานาฬิกามือสองเริ่มมีการปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อย โดยในเดือนมกราคมที่ผ่านมา Bloomberg Subdial Watch ซึ่งติดตามนาฬิกาสวิสที่มีการซื้อ-ขายมากที่สุด 50 อันดับ รายงานว่า ดัชนีของ Rolex เพิ่มขึ้นประมาณ 0.7% ส่วนในเดือนมีนาคม นาฬิกา Rolex รุ่นยอดนิยมส่วนใหญ่ราคาทรงตัว 2 เดือนติดต่อกัน ซึ่งน่าจะเป็นผลจากตลาดหุ้นทำสถิติสูงสุดและราคาบิทคอยน์ที่ปรับตัวสูงขึ้น
Rolex ได้ชื่อว่าเป็น นาฬิกา ที่เป็นผู้นำความหรูหราและเป็นสินทรัพย์ที่เพิ่มมูลค่าได้ 2 เท่าหากเลือกซื้อถูกรุ่น ถูกเวลา แต่หากย้อนกลับไปในยุคเริ่มต้น ฮันส์ วิลส์ดอร์ฟ ผู้ก่อตั้ง Rolex ไม่ได้ตั้งใจที่จะผลิตนาฬิกาสุดหรู แต่กลับเป็นนาฬิกาที่ใช้งานได้ในหลายๆ สถานการณ์ ทั้งปีนเขา ดำน้ำลึก ใช้ในสนามแข่งรถ และการขับเครื่องบิน จนกระทั่งช่วงทศวรรษ 1970 จึงเริ่มให้ความสำคัญกับนิยามความเป็นแบรนด์หรู
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ความต้องการนาฬิกาสปอร์ตของ Rolex เช่น Submariner, GMT-Master และ Daytona เพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก ทำให้การเข้าถึงรุ่นดังกล่าวยากขึ้นด้วย ดันให้ราคาของ Rolex ในตลาดรองเพิ่มสูงขึ้น เมื่อผนวกเข้ากับการเติบโตของโซเชียลมีเดียที่ผู้คนเข้าถึงข้อมูลนาฬิกาได้ง่ายขึ้น และเกิดชุมชนนักสะสมนาฬิกาเพิ่มขึ้นมากมาย ผู้ที่มีเงินลงทุนก็เริ่มมองหาผลตอบแทนจากนาฬิกา เหมือนกับของสะสมประเภทอื่น เช่น ในตลาดศิลปะหรือตลาดหุ้น
โดย Rolex ถือว่าเป็นนาฬิกาที่มีสภาพคล่องมากที่สุด และหากดูจากนาฬิกา Rolex 8 เรือนที่มีมูลค่ามากที่สุดในโลกจะพบว่า ไม่จำเป็นต้องเป็นเรือนที่วัสดุมีค่าอย่างทองคำหรือเพชร แต่เป็นเรื่องราวของผู้ที่เป็นเจ้าของนาฬิกาคนก่อนหรือนาฬิกาที่เป็นสัญลักษณ์ของช่วงเวลาพิเศษในประวัติศาสตร์ของแบรนด์ต่างหากที่มีคุณค่าครองใจนักสะสม
Rolex Oyster Cosmograph Daytona Ref. 6239 ‘Paul Newman’ ราคาประมาณ 646 ล้านบาท
นาฬิกาที่ได้ชื่อว่ามีหน้าปัดแปลกใหม่ในยุคนั้น ด้วยแทร็กวินาทีด้านนอกที่ตัดกันและหน้าปัดย่อย ซึ่งปัจจุบันรู้จักกันในชื่อ ‘Paul Newman’ ตามชื่อนักแสดงคลาสสิกและนักแข่งรถที่มักจะสวมใส่นาฬิการุ่นนี้ โดยเรือนที่ได้รับการประมูลไปในราคาสูงที่สุดในโลก เป็นเรือนที่ภรรยามอบให้เขาเป็นของขวัญด้วยราคา 17.75 ล้านดอลลาร์ หรือราวๆ 646 ล้านบาท ที่ไม่น่าเชื่อก็คือ นาฬิการุ่นนี้ไม่ค่อยเป็นที่นิยมเมื่อขายครั้งแรกในช่วงทศวรรษ 1960 แต่กลับกลายเป็น Rolex ที่แพงที่สุดในโลก ณ ปัจจุบัน
Rolex Cosmograph Daytona Ref. 6265 ‘Unicorn’ ราคาประมาณ 221.7 ล้านบาท
นาฬิกาหายากจนได้รับฉายาว่าเป็นยูนิคอร์นของวงการนาฬิกา ด้วยตัวเรือนทองคำขาว 18 กะรัต โดยนักสะสมนาฬิกาชื่อดัง จอห์น โกลด์เบอร์เกอร์ บริจาคนาฬิกาเรือนนี้ให้กับบริษัทประมูล Phillips เพื่อนำรายได้ช่วยเหลือองค์กรการกุศลสำหรับเด็ก และกลายเป็น Rolex ที่แพงที่สุดเป็นอันดับ 2 รองจาก Daytona ของ Paul Newman
Rolex Ref. 6062 ‘Bao Dai’ ราคาประมาณ 183.9 ล้านบาท
นาฬิกาของจักรพรรดิองค์สุดท้ายของเวียดนามที่ซื้อในเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เมื่อปี 1954 ขณะเข้าร่วมการประชุมข้อตกลงแบ่งเวียดนามออกเป็น 2 รัฐ โดยตัวเรือนทำจากทองคำ พร้อมหน้าปัดสีดำประดับเพชร 5 เม็ด ซึ่งล้ำค่าทั้งวัสดุที่ใช้ ความมีเอกลักษณ์ และคุณค่าทางประวัติศาสตร์
Rolex Cosmograph Daytona Ref. 6263 ‘The Legend’ ราคาประมาณ 134.4 ล้านบาท
นาฬิกาเรือนนี้ว่ากันว่าเป็นรุ่น Paul Newman 1 ใน 3 เรือนที่ผลิตตัวเรือนจากทองคำ มาพร้อมหน้าปัด Lemon Grené สีเหลืองทองตัดกับหน้าปัดย่อย และแถบแสดงวินาทีด้านนอกสีดำ โดยทำราคาไป 3.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราวๆ 134.4 ล้านบาท ในปี 2017
Rolex Cosmograph Daytona Ref. 16516 ราคาประมาณ 114.1 ล้านบาท
Rolex Daytona ตัวเรือนทองคำขาวเป็นสิ่งที่หายากอยู่แล้ว แต่สิ่งที่ทำให้นาฬิกาเรือนนี้พิเศษขึ้นไปอีกคือ หน้าปัดสร้างจากเทอร์ควอยส์ และเป็น 1 ใน 5 Platinum Daytona ที่ออกแบบโดย แพทริก ไฮนิเกอร์ อดีตซีอีโอของ Rolex ในปี 1999 โดยได้รับการประมูลไปที่ฮ่องกงในราคา 3.14 ล้านดอลลาร์ในปี 2022 หรือราวๆ 114.1 ล้านบาท
Rolex Cosmograph Daytona Ref. 6240 ‘The Neanderthal’ ราคาประมาณ 109.3 ล้านบาท
ความโดดเด่นของนาฬิการุ่นนี้คือฟอนต์และขีดบอกเวลาแปลกใหม่ในรุ่นของ Paul Newman มาพร้อมหน้าปัดย่อยขนาดใหญ่และใส่รายละเอียดเพียงมงกุฎและชื่อแบรนด์ Rolex นอกจากนี้รุ่น 6240 ยังเป็นนาฬิกา Cosmograph Daytona รุ่นแรกที่ติดตั้งตัวเรือน Oyster แบบกันน้ำอีกด้วย
Rolex Ref. 4113 Split-Seconds ราคาประมาณ 94.4 ล้านบาท
หนึ่งในนาฬิกาที่ซับซ้อนที่สุดที่ทำจากเหล็กกล้า คาดว่ามีเพียง 12 เรือนเท่านั้นที่ผลิตขึ้นในช่วงต้นทศวรรษ 1940 โดยมอบให้กับสมาชิกของทีมแข่งรถบางทีมเท่านั้น จึงไม่เคยมีการนำมาจำหน่ายเลย ตัวเรือนมีขนาดใหญ่กว่า 44 มม. เป็นตัวเรือนที่ใหญ่ที่สุดที่ Rolex เคยผลิตมา มาพร้อมกลไกโครโนกราฟ Calibre 55 VBR ซึ่งนับเป็นนาฬิกาที่หายากที่สุดรุ่นหนึ่งของ Rolex
Rolex GMT-Master Ref. 1675 ‘Apocalypse Now’ ราคาประมาณ 70.8 ล้านบาท
นาฬิกาเรือนนี้สวมใส่โดย มาร์ลอน แบรนโด ขณะที่แสดงภาพยนตร์สงครามระดับรางวัลเรื่อง Apocalypse Now โดยผู้กำกับ ฟรานซิส ฟอร์ด คอปโพลา ตัดสินใจถอดกรอบนาฬิกาออกเพื่อให้นาฬิกาดูโทรมและดิบเถื่อนพอๆ กับคาแรกเตอร์ของแบรนโดในภาพยนตร์ และหลังจากนั้นเขาได้แกะสลักชื่อลงบน นาฬิกา ด้วยมือตัวเอง ต่อมาในปี 2019 นาฬิกาเรือนนี้ได้รับการประมูลในราคา 1.95 ล้านดอลลาร์ หรือราวๆ 70.8 ล้านบาท
อ้างอิง:
- https://www.bloomberg.com/news/articles/2024-03-18/patek-philippe-and-rolex-used-prices-stabilize-as-stocks-rise-bitcoin-rebounds?srnd=markets-vp
- https://www.businessoffashion.com/news/luxury/used-rolex-prices-show-signs-of-stabilising/
- https://robbreport.com/style/watch-collector/most-expensive-rolex-watches-2948174/
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- ลงทุนใน นาฬิกา Rolex ดีกว่าหุ้น ทองคำ หรืออสังหาริมทรัพย์ หากคุณซื้อเมื่อ 10 ปีที่แล้ว
- นาฬิกา แบรนด์ไหนครองใจชาวจีนในปีที่ผ่านมา