×

7 ปี Game of Thrones กับสิ่งที่ ‘บัลลังก์เหล็ก’ ส่งต่อให้ 7 นักแสดงหลัก

30.08.2017
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

7 mins read
  • ปีนี้นักแสดงนำจาก Game of Thrones อย่าง ปีเตอร์ ดิงก์เลจ ยังมีผลงานที่น่าสนใจอย่าง Rememory หนังแนวทริลเลอร์-ไซไฟที่เขารับบทหนักแทบจะแบกเรื่องไว้คนเดียว
  • เอมิเลีย คลาร์ก ได้รับบทบาทสำคัญใน A Star Wars Story: Untitled Han Solo Film หนังสตาร์วอร์สภาคแยกที่จะเล่าเรื่องของ ฮัน โซโล โดยเฉพาะ มีกำหนดเข้าฉายในปี 2018
  • คิต แฮริงตัน เป็นพระเอกของซีรีส์ที่ไม่ค่อยประสบความสำเร็จในวงการฮอลลีวูดเท่าที่ควร
  • 5 นักแสดงนำอย่าง เอมิเลีย คลาร์ก, คิต แฮริงตัน, ลีนา เฮดีย์, ปีเตอร์ ดิงก์เลจ และ นิโคไล คอสเตอร์ วัลดาอู ได้รับค่าตัวจากการแสดงในซีซันที่ 7 ประมาณ 2.5 ล้านเหรียญสหรัฐต่อตอน (ประมาณ 87 ล้านบาท)

**บทความนี้เปิดเผยเนื้อหาของซีรีส์**

     ถึงแม้ Game of Thrones Season 7 จะปิดฉากลงไปแล้วแบบมีบาดแผลให้คอมเมนต์ในจุดบกพร่องต่างๆ แต่ก็ถือว่าเป็นซีรีส์ที่คู่ควรแก่การรอติดตามในซีซันสุดท้าย ปี 2019 กับ ‘มหาสงคราม’ ที่ฝ่ายมนุษย์ยอมสงบศึกและร่วมต่อสู้กับเหล่าไวต์วอล์กเกอร์

     ว่ากันตามจริง ซีซัน 7 ถือเป็นช่วงเวลาการเดินทางที่ยาวนาน วันนี้ THE STANDARD ขอสรุปเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับตัวละครหลัก 7 ตัว ตลอด 7 ซีซันที่ผ่านมา พร้อมกับบทสรุปของนักแสดงทั้ง 7 คนว่า มหากาพย์ซีรีส์เรื่องนี้ได้ต่อยอดผลงานในวงการฮอลลีวูดของพวกเขาไปได้มากน้อยขนาดไหน

 

 

 

ทีเรียน แลนนิสเตอร์

     ต้องบอกว่าหลังจากตกระกำลำบากมา 6 ปีเต็มๆ ซีซันนี้คือซีซันของเขาโดยแท้จริง เพราะหลังจากได้รับแต่งตั้งเป็น ‘หัตถ์ของราชินี’ เขาคือคนวางแผนการทั้งหมด ตั้งแต่พาแม่มังกรข้ามทะเลมาขึ้นฝั่งที่เวสเทอรอส (ถึงแม้ว่าบางแผนจะไม่ได้ผลก็เถอะ) เขายังเป็นคนเดียวเท่านั้นที่พอจะห้ามปรามความใจร้อนของแม่มังกรลงได้ และเรื่องสำคัญที่สุดคือการทำหน้าที่เป็นทูตประสานทั้ง 3 ฝ่าย ระหว่างคาลีซี, จอน สโนว์ และเซอร์ซี แลนนิสเตอร์ ให้มาร่วมมือกันได้ ก็นับเป็นผลงานเอกที่น่าจะมีแค่เขาคนเดียวนี่ล่ะที่พอจะทำให้เกิดขึ้นได้

 

ปีเตอร์ ดิงก์เลจ

           ไม่ได้เด่นแค่ในซีรีส์ Game of Thrones เท่านั้น เพราะปีเตอร์ยังมีผลงานที่น่าสนใจอย่าง Rememory หนังแนวทริลเลอร์-ไซไฟที่เขารับบทหนักแทบจะแบกเรื่องไว้คนเดียว (แต่หนังไม่ฉายตามโรงปกติ สามารถรับชมได้ผ่าน Google Play เท่านั้น) นอกจากนี้ยังมีหนังอีก 2 เรื่องอย่าง Three Billboards Outside Ebbing, Missouri และ Three Christs รอเข้าฉายในช่วงปลายปี ซึ่งเอาจริงๆ ใจหนึ่งเราก็ดีใจไปกับเขา แต่ในขณะเดียวกัน การที่เขามีเวลาไปถ่ายหนังเรื่องอื่นๆ เยอะขนาดนี้ มันกำลังส่งสัญญาณบางอย่างกับแฟนคลับของ ‘ภูติจิ๋ว’ คนนี้อยู่หรือเปล่า?

 

 

 

 

เจมี แลนนิสเตอร์

     บทบาทเด่นพอสมควร โดยเฉพาะการเป็นสะพานเชื่อมให้สองพี่น้องอย่างเซอร์ซีและทีเรียนได้เจอกันจนสามารถสงบศึกชั่วคราวได้ในที่สุด เจมีมีชะตากรรมคล้ายๆ กับทีเรียนตรงที่ต้องผ่านความลำบากมาเยอะก่อนจะมาถึงจุดนี้ เหตุการณ์ทั้งหมดทำให้ภายในจิตใจของเขาเปลี่ยนแปลงไป แต่มีสิ่งหนึ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนคือ ‘ความรัก’ ที่มีต่อเซอร์ซี แต่ถึงอย่างไร ในซีซันนี้เขาก็ต้องตัดสินใจครั้งสำคัญด้วยการหันหลังให้กับ ‘ราชินี’ ของเขาเป็นครั้งแรก

 

นิโคไล คอสเตอร์ วัลดาอู

     ที่จริงนิโคไลอยู่ในวงการฮอลลีวูดมานานแล้ว เพียงแต่ส่วนใหญ่จะได้บทนักแสดงสมทบเสียมากกว่า ถ้าใครอยากเห็นฝีมือการแสดงแบบเต็มๆ ของเขา เราแนะนำให้ดูเรื่อง Mama (2013) ที่เริ่มรับบทเด่น ก่อนจะไปเป็นพระเอกเต็มตัวในเรื่อง Gods of Egypt (2016) ส่วนปีนี้มี Small Crimes ที่รับชมได้ทาง Netflix และอีก 2 เรื่องที่รอเข้าฉายคือ Shot Caller และ 3 Things อืม… จะว่าไป ผลงานก็เยอะไม่แพ้ ปีเตอร์ ดิงก์เลจ เหมือนกันนะ

 

 

 

 

เซอร์ซี แลนนิสเตอร์

     อีกหนึ่งคนที่ต้องผ่านเรื่องราวอะไรมาเยอะ ทั้งต้องเห็นลูกถูกวางยาพิษ ถูกกีดกันจากอำนาจ ถูกขัง ต้องเปลือยกายเดินรอบเมืองพร้อมกับเสียงโห่ไล่ จนในที่สุดเธอตัดสินใจวางระเบิดถล่มวิหารเบเลอร์ ฆ่าล้างนักบวชแห่งศาสนาศรัทธาธรรม ขุนนางหลายตระกูล รวมทั้งราชินีคนก่อน มาร์จอรี ไทเรล อันเป็นผลให้ ทอมเมน ลูกชายอีกหนึ่งคนตรอมใจจนต้องฆ่าตัวตายตามไปด้วย ก่อนขึ้นมาเป็น ‘ราชินี’ แห่งเวสเทอรอส ในซีซันนี้เธอมีความหวังอีกครั้งเมื่อตั้งท้องครั้งที่ 3 และแน่นอนว่า ‘แม่’ ที่เด็ดขาดแบบเธอย่อมพร้อมที่จะทำทุกอย่างเพื่อลูกอีกครั้ง แม้ว่าจะต้องผิดสัญญาและทำร้ายผู้คนมากแค่ไหนก็ตาม

 

ลีนา เฮดีย์

     ลีนาอยู่ในฮอลลีวูดมาตั้งแต่ยุค 90s แต่เพิ่งมาเป็นที่รู้จักจริงๆ กับบท ราชินีกอร์โก ในเรื่อง 300 (2006), The Purge (2013) และบท ซาราห์ คอนเนอร์ ในซีรีส์ The Sarah Connor Chronicle (2008-2009) ส่วนผลงานในปีนี้ของเธอมีแค่ภาพยนตร์ Thumper เพียงเรื่องเดียวเท่านั้น

 

 

แดเนริส ทาร์แกเรียน

     เป็นครั้งแรกที่แม่มังกรได้กลับมายังดินแดนเวสเทอรอสที่จากไป 6 ปีอีกครั้ง พร้อมกับ ‘นักรบไร้มลทิน’ รวมถึงชนเผ่าโดธรากีผู้บ้าคลั่ง และมังกรวัยเจริญพันธุ์ที่ตอนนี้เหลือเพียง 2 ตัวแล้ว ‘แดนี่’ ยังคงเป็นราชินีที่ห่วงใยผู้คนเหมือนทุกซีซันที่ผ่านมา (อาจจะมีใจร้อนไปบ้างเป็นบางครั้ง) เธอไม่เคยลังเลที่จะไปช่วยจอน สโนว์ รบกับเหล่าไวต์วอล์กเกอร์ที่แดนเหนือ จนสุดท้ายต้องเสียลูกรักของเธอไป 1 ตัว (ไม่อยากคิดภาพวันที่เธอต้องเห็นลูกกลายเป็นศัตรูจริงๆ) แต่เธอก็ยังยืนยันที่จะสู้ต่อ พร้อมกับความรักกับ ‘ราชันแห่งทิศเหนือ’ ที่เริ่มก่อตัวมากขึ้นเรื่อยๆ

 

เอมิเลีย คลาร์ก

     หลังจาก Game of Thrones เธอมักจะได้รับบทดีๆ ที่หลายคนเฝ้าฝัน ทั้งบท ซาราห์ คอนเนอร์ ใน Terminator Genisys (2015) ก่อนจะพลิกบทบาทเป็นสาวโลกสวยใน Me Before You (2016) ล่าสุดเธอเพิ่งได้รับบทบาทสำคัญที่สุด กับการเป็นนักแสดงนำใน A Star Wars Story: Untitled Han Solo Film หนังสตาร์วอร์สภาคแยกที่จะเล่าเรื่องของ ฮัน โซโล โดยเฉพาะ มีกำหนดเข้าฉายในปี 2018

 

 

จอน สโนว์

     อีกหนึ่งคนที่เจ็บมาเยอะก่อนจะได้ตำแหน่ง ‘ราชันแห่งทิศเหนือ’ มาครอบครอง ทั้งถูกกลั่นแกล้ง ถูกเนรเทศ ถูกคนเถื่อนจับ ต้องสู้กับไวต์วอล์กเกอร์ กระทั่งถูกฆ่าตายก็ยังสามารถชุบชีวิตขึ้นมาได้ ซีซันนี้เขามีพร้อมทุกอย่าง ทั้งตำแหน่ง อำนาจ และพันธมิตรที่พร้อมจะช่วยเหลือ แม้จะเต็มไปด้วยความอ่อนโยนและซื่อตรงต่อความรู้สึก แต่จอนยังคงเป็น ‘ราชา’ ที่เต็มไปด้วยความบ้าระห่ำ พร้อมจะทำทุกภารกิจเสี่ยงตายด้วยตัวเองอยู่เสมอ แถมยังกล้าบุกเข้าไปในห้องของแม่มังกรด้วยตัวคนเดียว พร้อมกับความลับของชาติกำเนิดที่ถูกเปิดเผยว่า แท้จริงแล้ว เขานี่ล่ะคือผู้สืบทอดอย่างชอบธรรมของบัลลังก์เหล็กที่แท้จริง

 

คิต แฮริงตัน

     เหมือนจะเป็นพระเอกที่แจ้งเกิดจากซีรีส์นี้ได้ แต่บทบาทในหนังใหญ่ของเขากลับไม่ประสบความสำเร็จเท่าไร โดยเฉพาะช่วงแรกกับหนังอย่าง Silent Hill: Revelation (2012), Pompeii (2014) ก็ไม่ประสบความสำเร็จ ไปเป็นตัวประกอบเล็กๆ ใน Seventh Son (2014) หนังก็ยังเจ๊งไม่เป็นท่า จนได้เล่นเรื่อง Brimstone (2016) ถึงกู้ชื่อขึ้นมาได้บ้าง แล้วหลังจากนั้นเราต้องรออีก 2 ปีเต็มถึงจะเห็นผลงานของเขาในเรื่อง The Death and Life of John F. Donovan  

 

 

อาร์ยา สตาร์ก

     ในซีซันล่าสุด การปรากฏตัวของน้องสาวคนเล็กแห่งตระกูลสตาร์กนั้นมาให้เห็นไม่เยอะ เพราะเมื่อฝึกฝนจนเป็น ‘นักฆ่าไร้ชื่อ’ สำเร็จแล้ว การเคลื่อนไหวของเธอก็ดูจะลึกลับมากขึ้นทุกขณะ แต่บอกเลยว่าทุกการปรากฏตัวของอาร์ยาเต็มไปด้วยความน่าสนใจจนเรียกได้ว่าเธอขโมยหลายซีนสำคัญของเรื่องได้ตลอด โดยเฉพาะฉากเพชฌฆาตประหาร ‘นิ้วก้อย’ ในตอนสุดท้ายที่ทำให้เลือดเย็นเกินอายุไปมากๆ และถ้าดูจากความสามารถตอนดวลดาบกับ บริแอนน์แห่งทาร์ธ ได้อย่างสูสี ก็ค่อนข้างสบายใจสำหรับแฟนคลับอาร์ยาว่าเธอไม่น่าจะเสียท่าให้ใครได้ง่ายๆ

 

ไมซี วิลเลียมส์

     กลายเป็นนักแสดงวัยรุ่นชาวอังกฤษที่น่าจับตามองที่สุดในตอนนี้ ด้วยการคว้ารางวัล London Film Critics’ Circle จากฝีมือการแสดงในเรื่อง The Falling (2014) ปีนี้มีผลงานเรื่อง iBoy ที่ฉายใน Netflix, Mary Shelley ที่จะเข้าฉายปลายปี และเข้าสู่จักรวาลมาร์เวลเต็มตัวกับบท วูล์ฟเบน ในเรื่อง The New Mutants ที่จะเข้าฉายในปี 2018

 

 

 

ซานซา สตาร์ก

     พูดได้คำเดียวว่านี่คือสิ่งที่เรารอคอยให้เกิดมาตลอด 7 ซีซัน ที่ผ่านมาชีวิตของเธอแสนผกผัน ขึ้นสุดและลงสุด บุตรสาวผมแดงแห่งตระกูลสตาร์กทั้งถูกหลอกและถูกหักหลังมานับครั้งไม่ถ้วน แต่ก็เพราะอย่างนี้แหละที่ทำให้เธอแกร่งขึ้นเรื่อยๆ ในซีซันล่าสุดจึงเป็นวันที่เธอก้าวขึ้นเป็น ‘ท่านหญิงแห่งแดนเหนือ’ วันที่เธอก้าวพ้นจากเงาของ ‘นิ้วก้อย’ ได้แบบเต็มตัว เธอพร้อมแล้วที่จะนำพาตระกูลสตาร์กกลับมาสู่ความรุ่งเรืองอีกครั้ง

 

โซฟี เทอร์เนอร์

     จากหญิงสาวที่ไม่เคยมีผลงานแสดงมาก่อน แต่ด้วยบุคลิกที่ชัดเจน ความสามารถเกินวัยที่เธอแสดงให้เห็นในซีรีส์ Game of Thrones ทำให้เธอต่อยอดกลายเป็นมนุษย์กลายพันธุ์หญิงที่แข็งแกร่งที่สุดในจักรวาลมาร์เวล ด้วยการผูกขาดบท จีน เกรย์ มาตั้งแต่ปี 2016 และกำลังจะมีภาคแยกเดี่ยวเป็นของตัวเองในเรื่อง X-Men: Dark Phoenix กำหนดฉายในปี 2018 ส่วนปีนี้เธอมีผลงานติดกัน 2 เรื่องคือ Huntsville และ Time Freak ที่จะเข้าฉายในช่วงปลายปี

 

อ้างอิง:

 

FYI
  • 5 นักแสดงนำอย่าง เอมิเลีย คลาร์ก, คิต แฮริงตัน, ลีนา เฮดีย์, ปีเตอร์ ดิงก์เลจ และ นิโคไล คอสเตอร์ วัลดาอู ได้รับค่าตัวจากการแสดงในซีซันที่ 7 ประมาณ 2.5 ล้านเหรียญสหรัฐต่อตอน (ประมาณ 87 ล้านบาท) ส่วนนักแสดงคนอื่นมีรายได้ประมาณ 1 ล้านเหรียญสหรัฐต่อตอน (ประมาณ 34 ล้านบาท)
  • หนึ่งในตัวละครที่หลายคนชื่นชอบอย่าง อัศวินหญิงบริแอนน์แห่งทาร์ธ ที่รับบทโดย เกวนโดลิน คริสตี ด้วยความที่เป็นผู้หญิงร่างใหญ่ ทำให้หาบทที่เหมาะสมกับเธอได้ยาก หนึ่งในบทที่เหมาะสมนั้นคือ กัปตันพลาสมา ใน Star Wars: The Force Awakens
  • บท The Night King ที่แสนน่ากลัวในปีนี้ตกเป็นของ วลาดิเมียร์ เฟอร์โด เฟอร์ดิก สตันท์แมนอาชีพที่สร้างชื่อจาก Thor: The Dark World (2013), Kingdom of Heaven (2005) และ Snow White and the Huntsman (2012)
  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising