เพื่อร่วมฉลองให้กับ เป๊ก-ผลิตโชค อายนบุตร หรือ ‘คุณหลวง’ ที่มีอายุครบ 37 ปีบริบูรณ์ในวันนี้ THE STANDARD POP ขอพาทุกคนย้อนกลับไปชม 7 โมเมนต์สุดประทับใจที่มีความสำคัญและทำให้เขากลายเป็นหนึ่งในศิลปินที่มีแฟนคลับเหนียวแน่นมากที่สุดในเวลานี้
และ THE STANDARD POP ขอเป็นอีกหนึ่งเสียงที่ร่วมอวยพรให้เป๊กยังคงเป็นคุณหลวงผู้น่ารัก สุขภาพแข็งแรง ได้ทำในสิ่งที่รัก และคอยมอบความสุขให้กับแฟนคลับทุกคนไปอีกนาน
โมเมนต์ที่ 1 ความอดทนและพยายามที่ ‘ไม่มีใครรู้’
นอกจากภาพความขี้เล่น เป็นกันเอง บางครั้งก็ดูงงๆ แต่น่ารัก เป๊กได้ซ่อนความพยายามและอดทนอย่างสูงสุดเอาไว้อย่างมิดชิดชนิดที่แทบจะไม่มีใครรู้
เป๊กเริ่มต้นความฝันด้วยการเป็นศิลปินฝึกหัดที่ค่ายแกรมมี่ตั้งแต่เรียนอยู่ชั้น ม.2 ทุกวันหลังเลิกเรียนประมาณ 4-5 โมงเย็น เป๊กต้องนั่งรถฝ่าการจราจรจากสุขาภิบาล 3 เพื่อไปจนถึงตึกแกรมมี่บนถนนอโศกตอนประมาณ 2-3 ทุ่ม เริ่มเรียนร้องเพลงและเต้นจนถึงเที่ยงคืนจึงจะได้กลับบ้านไปพักผ่อน และตื่นเช้าเพื่อไปโรงเรียนและทำกิจวัตรเดิมๆ ซ้ำๆ เป็นเวลา 7 ปีเต็ม
ถ้าไม่นับช่วงที่เดบิวต์เป็นสมาชิกวง G-BOYZ ในช่วงสั้นๆ เป๊กก็แทบมองไม่เห็นอนาคตด้วยซ้ำว่าจะได้มีผลงานเป็นของตัวเองเมื่อไร แต่เป๊กยังคงเดินอยู่บนถนนที่ไม่มีแสงไฟสาดส่องอย่างไม่เคยยอมแพ้ เหมือนที่เคยให้สัมภาษณ์ไว้ว่า
“เพราะผมมีเป้าหมายที่ชัดเจนว่าผมต้องการอะไร ผมอยากเป็นนักร้อง ดังนั้นไม่ว่ากี่ปีที่ต้องพยายามหรือกี่ปีที่ต้องรอ ผมก็ทนได้”
ในที่สุดเป๊กก็เป็นอีกหนึ่งคนที่ยืนยันประโยคที่ว่า ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น ยังใช้ได้จริงเสมอ
วันหนึ่งโปรดิวเซอร์อย่าง ต๋อง-สุรพันธ์ จำลองกุล เข้ามาประชุมที่ตึกแกรมมี่ แล้วบังเอิญเห็นเป๊กวิ่งเล่นอยู่ เมื่อรู้ว่าเป็นศิลปินฝึกหัดก็บอกให้เป๊กร้องเพลงให้ฟัง จนทำให้ต๋องเห็นแววและเรียกมาทำสกรีนเทสต์ และให้เป๊กเป็นนักร้องไกด์ให้กับศิลปินคนอื่น แต่ทีมงานรู้สึกว่าเพลงนี้เหมาะกับเป๊ก จึงมอบโอกาสครั้งสำคัญให้ศิลปินฝึกหัดได้มีผลงานของตัวเองเป็นครั้งแรก
เพลงนั้นคือ ‘ไม่มีใครรู้’ ที่เป็นเหมือนสปอตไลต์ดวงแรก ส่องให้สองข้างทางที่เคยมืดสนิทมีแสงสว่าง แจ้งเกิดให้วงการเพลงไทยได้รู้จักศิลปินหน้าใหม่ที่ชื่อ ‘เป๊ก ผลิตโชค’
ในช่วงเรียนต่อระดับปริญญาตรี ปี 1 ที่สาขาวิชาดุริยางคศาสตร์สากล คณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ เป๊กต้องเดินทางจากวิทยาเขตองครักษ์เพื่อมาอัดเพลงที่ตึกแกรมมี่ที่บางวันก็ลากยาวไปจนถึงตี 2-3 แล้วต้องตื่นเช้าไปเรียนตามปกติ
เพราะรู้ว่าโอกาสไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยๆ เป๊กยิ่งอดทน พยายาม ทุ่มเททุกอย่างในชีวิตเพื่อทำในสิ่งที่รัก
จนทำให้เกิดอัลบั้ม One ผลิตโชค อัลบั้มเต็มชุดแรกในชีวิตที่มีเพลงฮิตอย่าง ใจหนึ่งก็รัก อีกใจก็เจ็บ, หรือแค่ขำขำ, รักคือรัก และ นิทานหิ่งห้อย ฯลฯ มาเป็นรางวัลตอบแทนความพยายามที่เขาอดทนมาตลอดระยะเวลาเกือบ 10 ปี
และเป็นจุดเริ่มต้นในการเป็น ‘ศิลปินเต็มตัว’ ที่ค่อยๆ สร้างเส้นทางและปรากฏการณ์มากมาย ก่อนที่จะกลายมาเป็น ‘คุณหลวงผลิต’ ผู้เป็นที่รักของแฟนคลับทุกคนในเวลาต่อมา
โมเมนต์ที่ 2 ปรากฏการณ์ของหน้ากากจิงโจ้ผู้ ‘ผลิตโชค’ ด้วยตัวเอง
ถ้าพล็อตกราฟชีวิตออกมาเป็นเส้น เราจะเห็นเส้นกราฟที่ชีวิตของเป๊กวิ่งพุ่งขึ้นสูงสุดและดิ่งลงต่ำสลับไปมาตลอดทุกช่วงเวลาในวงการบันเทิง
แต่ไม่ว่ากราฟชีวิตจะเป็นอย่างไร เป๊กก็ยังคือเป๊ก เด็กชายช่างฝันที่ไม่เคยหยุด ‘ผลิตโชค’ ของตัวเอง ยังใช้ความดื้อและความเอาแต่ใจไปขอร้องพี่ๆ ทีมงานในค่ายให้ยอมทำเพลงให้ เพราะอยากทำเพลงออกมาให้คนชอบมากที่สุด
เป๊กเคยให้สัมภาษณ์กับ THE STANDARD ถึงช่วงเวลานั้นว่า
“ผมลองจนรู้สึกอายแล้วที่เขาให้โอกาสแต่เราทำไม่ได้สักที แต่ก็ยังอยากทำ เพราะคิดว่าสักวันจะต้องทำให้คนชอบเพลงของเราให้ได้”
เป๊กพยายามอย่างไม่หยุดมาจนถึงช่วงที่ใกล้หมดสัญญากับค่ายแกรมมี่ในปี 2560 ระหว่างเตรียมแผนการไปเรียนต่อและออกผจญภัยหาเรื่องตื่นเต้นให้กับชีวิตที่ต่างประเทศ
ชายปริศนาในชุด ‘หน้ากากจิงโจ้’ ที่เปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่กลางตลาดนัดสวนจตุจักร มาพร้อมประโยคแนะนำตัวว่า
“ผมเกิดมาเพื่อเป็นซูเปอร์สตาร์ ไม่ว่าผมจะทำอะไร ทุกสายตาจะจับจ้องมาที่ผมเสมอ”
ได้ปรากฏตัวขึ้นมาสร้างสีสันให้กับรายการ The Mask Singer Thailand ซีซัน 1 และขึ้นไปโชว์ท่าเต้นกวนๆ พลังเสียงบนกรู๊ฟสนุกๆ ในเพลง Love on Top ของบียอนเซ่
และลีลาตอบคำถามปั่นหัวกรรมการ ที่ถึงแม้จะแทบไม่มีใครได้เบาะแสจากคำใบ้ของเขา แต่ความสามารถ ความน่ารัก เสน่ห์แบบกวนๆ มึนๆ ได้ค่อยๆ เข้าไปอยู่ในหัวใจของกรรมการและคนดูทางบ้านเป็นที่เรียบร้อย
หลังจากนั้นหน้ากากจิงโจ้ก็เดินหน้าส่งมอบรอยยิ้ม เสียงหัวเราะ และสะกดผู้คนด้วยน้ำเสียงและทักษะการร้องเพลงที่ทำให้คนทั้งทึ่งและสงสัยใคร่รู้ว่าคนที่อยู่ใต้หน้ากากนี้คือใครมากขึ้นเรื่อยๆ
ทั้งจากเพลง How am I Supposed to Live Without You ที่ไม่ได้มาแค่การร้อง แต่ยังเซอร์วิสด้วยท่าเต้นดึงดาวและท่อนแรป ‘งงเด้ งงเด้’ ที่เริ่มต้นจากความงง แต่สามารถทำให้กรรมการทุกคนทั้ง โน้ต เชิญยิ้ม, ครูอ้วน มณีนุช, ตั๊ก ศิริพร, ไอซ์ อภิษฎา, ดีเจนุ้ย, หนึ่ง จักรวาร รวมทั้งพิธีกรอย่าง กันต์ กันตถาวร ลุกขึ้นมาแรป งงเด้ งงเด้ จนกลายเป็นสัญลักษณ์และอีกหนึ่งตำนานที่หน้ากากจิงโจ้สร้างเอาไว้
ต่อด้วยเพลงอย่าง One Last Cry ของ ไบรอัน แม็กไนต์ และ Versace on the Floor ของ บรูโน มาร์ส ที่หน้ากากจิงโจ้เลือกใช้ในรอบสุดท้าย
ถึงแม้ในวันนั้นจะพ่ายแพ้ให้กับหน้ากากทุเรียน หน้ากากจิงโจ้ต้องถอดหน้ากากที่ปิดบังตัวเองอยู่นาน และทันทีที่ใบหน้าที่ซ่อนอยู่ถูกเปิดเผย ประวัติศาสตร์วงการบันเทิงไทยก็ต้องเริ่มจารึกตำนานบทใหม่ของ ‘เป๊ก ผลิตโชค’ นับตั้งแต่วันนั้น
โมเมนต์ที่ 3 ปรากฏการณ์ห้างแตกของศิลปินที่เคยมีคนฟังแค่ 10 คน
วันที่ 27 มีนาคม 2560 เป๊ก ผลิตโชค ที่เพิ่งถอดหน้ากากจิงโจ้ก็เริ่มสร้างปรากฏการณ์ ‘ห้างแตก’ ได้ตั้งแต่งานอีเวนต์แรก หลังจบจากรายการ The Mask Singer แค่ไม่กี่วัน
เป๊กเคยบอกว่าเขารับงานนี้เอาไว้ตั้งแต่รายการ The Mask Singer ยังไม่ออกอากาศ เขาคิดว่านี่คงจะเป็นงานเล็กๆ ที่มีคนดูไม่กี่คน รวมทั้งทีมผู้จัดงานก็ไม่คาดคิด จึงเตรียมพื้นที่เวทีเล็กๆ ในห้าง Zen เอาไว้
ปรากฏว่าพลังของหน้ากากจิงโจ้ทำให้มีแฟนคลับจำนวนมากมารอเจอเป๊กตั้งแต่ช่วงเช้า จนพื้นที่ลานของห้างเซ็นทรัลเวิลด์อัดแน่นไปด้วยผู้คนที่มาชูป้ายไฟ ‘ผลิตโชค’ แบบไม่เคยคาดคิดมาก่อน
ปรากฏการณ์ ‘ห้างแตก’ ในวันนั้นทำให้เป๊กนึกย้อนไปถึงหลายๆ เหตุการณ์ในช่วงก่อนหน้าที่เขาเคยต้องร้องเพลงบนเวทีที่มีคนดูไม่ถึง 10 คน เดินไปพูดกับใครก็เดินหนีกันหมด
และนึกขอบคุณในความอดทนของตัวเองที่ยังร้องเพลงอย่างเต็มที่มาตลอด จนมาถึงวันที่มีคนจำนวนมากมารอฟังเขาร้องเพลงอีกครั้งด้วยความตั้งใจ ส่งเสียงกรี๊ด และร่วมร้องเพลงไปพร้อมกับเขาอย่างเต็มเสียง จนทำให้เขาสร้างปรากฏการณ์ห้างแตกได้แทบทุกครั้งที่ปรากฏตัว
รวมทั้งนึกขอบคุณหน้ากากจิงโจ้ เพื่อนซี้ที่เปลี่ยนชีวิตเขาไปตลอดกาล เหมือนที่เขาโพสต์ความรู้สึกผ่านอินสตาแกรมเอาไว้ว่า
“ขอบคุณหน้ากากจิงโจ้เพื่อนรักด้วยนะที่ช่วยเราไว้ ช่วยปิดบังอคติของข่าวและสังคมที่ยัดเยียดใส่ให้ผมมาตลอดเกือบสิบปีที่ผ่านมาจนคนมองข้ามผมไป และไม่เห็นตัวตนที่แท้จริงของผมว่าเป็นอย่างไร
“หน้ากากจิงโจ้เพื่อนรักช่วยทำให้หลายๆ คนได้ ‘ฟัง’ เสียงเพลงที่ผมอยากจะร้องให้ทุกคนได้ฟังอีกครั้ง เห็นผมที่ได้มูฟและเอ็นจอยไปตามจังหวะดนตรี ให้ผมได้สื่อสารผ่านบทเพลงอีกครั้ง!
“ที่สำคัญที่สุด ผมอยากจะขอบคุณทุกคนที่เปิดใจยอมรับผมอีกครั้ง”
โมเมนต์ที่ 4 ขนอม ขนอม ไลฟ์ในตำนานที่เปิดเผยตัวตนที่ทำให้คนยิ่งหลงรัก
หนึ่งในตัวตนที่แท้จริงที่เป๊กพูดถึงถูกเปิดเผยขึ้นมาจากคลิปไลฟ์ที่ตั้งชื่อว่า ขนอม ขนอม ในปี 2559 ก่อนที่ปรากฏการณ์หน้ากากจิงโจ้จะเริ่มขึ้นในปีต่อมา
เป็นช่วงที่เป๊กเพิ่งเสร็จจากงานอีเวนต์หนึ่งที่จังหวัดนครศรีธรรมราช สวมรอยเป็น ‘คุณคิม’ ชื่อที่เป๊กใช้บ่อยๆ เวลาเดินทางเพื่อให้คนจำไม่ได้ ไปเที่ยวที่อำเภอขนอมตัวคนเดียว และไลฟ์พูดคุยกับแฟนคลับจำนวนหนึ่งตามปกติ
ดูเผินๆ เหมือนจะเป็นคลิปธรรมดา แต่ด้วยเสน่ห์ที่เป็นธรรมชาติในช่วงเวลาที่กำลังเพลิดเพลินกับการยกเครื่องดื่มขึ้นจิบไปพร้อมๆ กับการออดอ้อนแฟนคลับให้กดไลก์ ส่งหัวใจ พูดคุยทักทายกับคนในบาร์อย่างเป็นกันเอง
และอวดกระต๊อบห้องพักราคา 800 บาทที่ไม่มีแอร์ ไม่มีน้ำอุ่น มีแค่เตียงกับมุ้งให้นอน พร้อมเปิดเผยความลับว่าเป๊กจะพกปลอกหมอนและผ้าปูที่นอนไปด้วยเสมอเวลาไปเที่ยว แต่วันนี้ขอยอมรับอย่างตรงไปตรงมาว่า “ปูไม่ไหวแล้ว”
เป็นภาพน่ารักๆ ที่มาพร้อมกับความมึน อาจพูดจาวกวนไปบ้าง แต่นี่คือความเป็นธรรมชาติที่เราไม่ได้เห็นบ่อยๆ จากศิลปินคนอื่นๆ และมีคนจำนวนมากที่ย้อนกลับมาดูคลิปนี้ทีหลัง และยิ่งตกหลุมรัก ‘เฮีย’ คนนี้มากขึ้นไปอีก
นอกจากนี้ยังมีอีกหลายคลิปที่สร้างความประทับใจให้แฟนคลับ โดยเฉพาะเวลาที่เป๊กออกไปเที่ยวต่างจังหวัด และมักจะออกไปร่วมงานสังสรรค์กับชาวบ้านอย่างเป็นกันเอง
และไม่พลาดที่จะออกไปโชว์สเตปแดนซ์ที่ฉีกทุกภาพจำของนักร้องสายอาร์แอนด์บี เรียกได้ว่าทั้งเพลงหมอลำ ลูกทุ่ง สามช่า หรือจะมาทางสายย่อ ก็ไม่เคยเป็นอุปสรรคในการเปิดฟลอร์ของผู้ชายคนนี้จริงๆ
นอกจากการพาคนไปรู้จักกับไลฟ์สไตล์น่ารักๆ ก็มีบางครั้งที่เป๊กออกมาไลฟ์พูดถึงความรู้สึกเหงาและท้อแท้ให้แฟนคลับได้ฟัง โดยเฉพาะช่วงหนึ่งที่เป๊กป่วยจนต้องเข้าโรงพยาบาลบ่อยๆ จนเหมือนเป็นบ้านหลังที่สอง และไลฟ์พูดคุยกับแฟนคลับเพื่อถามว่ายังอยากฟังเขาร้องเพลงอยู่หรือเปล่า
“ทุกคนยังอยากฟังเพลงเราอยู่หรือเปล่าครับ บางทีก็คิดว่าเบื่อเราแล้ว แล้วยังไงก็เลิกร้องเพลงไม่ได้อยู่แล้ว อยู่ที่ไหนก็ได้”
การเปิดเผยให้เห็นทั้งมุมที่ตลก น่ารัก เหงา เปราะบาง อ่อนแอ และออดอ้อนทุกคนได้อย่างจริงใจและเป็นธรรมชาติทำให้หลายคนยิ่งหลงรัก ไม่ใช่แค่เพราะว่าเป๊กเป็นศิลปิน แต่รักเป๊กในฐานะที่เขาเป็น ‘มนุษย์’ คนหนึ่งที่กล้าเปิดเผยเรื่องราวในทุกมุมของชีวิตให้ทุกคนได้รู้จักตัวตนของเขาจริงๆ
โมเมนต์ที่ 5 เริ่มต้นจักรวาล ‘คุณหลวง’ และ ‘นุช’ ผู้น่ารัก
หนึ่งในโมเมนต์สำคัญของเป๊กที่ไม่พูดถึงไม่ได้คือจุดเริ่มต้นที่เรียกกลุ่มแฟนคลับว่า ‘นุช’
เริ่มจากแฟนคลับหลายคนเรียกเป๊กว่า ‘คุณหลวง’ เพราะชอบทำผมแสกกลาง เป๊กจึงพยายามคิดคำศัพท์เรียกแฟนคลับ
จนกลายเป็นคำว่า ‘นุช’ เปรียบแฟนคลับเป็นเหมือนน้องสาวแสนสวย เป็นผู้หญิงที่บอบบาง อ่อนโยน
หลังจากนั้นเป๊กก็เริ่มทวีตข้อความถึงคำว่า ‘นุช’ เพื่อใช้เรียกชื่อแฟนคลับอย่างเป็นทางการผ่านประโยคที่ว่า Good Night นะนุช… ช่วงนี้นอนน้อย เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2560
และเริ่มเพิ่มคำศัพท์ ‘นุชes’ หมายถึงแฟนคลับหลายคน เรียกกลุ่มแฟนคลับผู้ชายว่านุชา และเรียกกลุ่มแฟนคลับ LGBTQ ว่านิชนุช
หลังจากนั้นเหล่า ‘นุช’ ทั้งหลายก็รวมตัวผนึกกำลังเป็น ‘ลมใต้ปีก’ ที่คอยมอบความรักและสนับสนุนให้ ‘คุณหลวงเป๊ก’ ได้ร้องเพลง มอบความสุข และทำในสิ่งที่รักมาจนถึงทุกวันนี้ โดยมี Fanchant ที่เป๊กนำคำบอกรักที่เคยพูดกับคุณแม่สมัยเด็กๆ มาเป็นประโยคบอกรักประจำกลุ่ม
“รักเป๊กกี้มากมายที่สุดในโลก ชีวิตจักรวาล บอโร่ว ตอเซ่ สวิตช์ดาวน์ เซเว่นโอทูเลยแหละ”
โมเมนต์ที่ 6 ความน่ารักระหว่างแฟนคลับที่ส่งต่อพลังงานบวกให้กับทุกคนรอบข้าง
เสน่ห์สำคัญอย่างหนึ่งที่น่าประทับใจมากๆ ระหว่างเป๊กและแฟนคลับทั้งหมด นอกจากการร่วมแรงร่วมใจโหวตหรือช่วยกันปั่นแฮชแท็ก #เป๊กผลิตโชค จนขึ้นเทรนด์ได้อย่างน่าทึ่ง
คือการที่ทุกคนไม่ได้แค่ชื่นชมหรือส่งความรักกันเองแค่ในกลุ่ม แต่นุชยังแบ่งปันความน่ารักไปให้คนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเป๊กอยู่เสมอ เริ่มตั้งแต่การไปชื่นชมและให้กำลังใจทีมงานสื่อต่างๆ ที่สัมภาษณ์หรือผลิตคอนเทนต์เกี่ยวกับเป๊กออกมาเป็นจำนวนมาก
อย่าง THE STANDARD เองก็เคยได้รับความน่ารักนั้นเมื่อครั้งที่สัมภาษณ์เป๊กเมื่อประมาณ 3 ปีก่อน ถึงแม้จะดูเป็นเรื่องเล็กๆ แต่เราพูดได้เลยว่านี่คือกำลังใจชั้นดีที่ทำให้พวกเรามีพลังในการสร้างสรรค์ผลงานและนำเสนอคอนเทนต์ให้ดีที่สุดต่อไป
ในช่วงที่วงการสิ่งพิมพ์กำลังระส่ำระสาย นิตยสารหลายเล่มยอดขายตกและต้องปิดตัว แต่ถ้าครั้งไหนที่มีคุณหลวงเป๊กขึ้นปก บรรดานุชผู้น่ารักก็พร้อมที่จะสนับสนุนและช่วยกันกวาดซื้อจนเกลี้ยงแผง
หรืออย่างอัลบั้มล่าสุด A Little Thing ของเป๊ก ที่ได้ชวนศิลปินรุ่นน้องอย่าง ต้าเหนิง กัญญาวีร์, เฌอปราง BNK48, ออกแบบ ชุติมณฑน์ และเก้า สุภัสสรา มาเป็นนางเอกมิวสิกวิดีโอ แฟนคลับก็ช่วยกันสนับสนุนชื่นชมน้องๆ ทุกคนไม่แพ้กับที่ชื่นชมตัวคุณหลวงของพวกเขา
รวมทั้งในคอนเสิร์ต GMM Online Festival ที่จริงๆ แล้วเป๊กมีคิวขึ้นโชว์เวลาประมาณ 2 ทุ่ม แต่แฟนคลับก็มาสแตนด์บายและพิมพ์ให้กำลังใจศิลปินวงก่อนหน้าตั้งแต่บ่าย 2 โมง
นอกจากนี้เราจะเห็นเป๊กและแฟนคลับร่วมกันบริจาคเงินเพื่อผู้คนหรือองค์กรที่ต้องการความช่วยเหลืออยู่เสมอ
เช่น การบริจาคเงินที่ได้จากการขายโฟโต้บุ๊กในปี 2561 ประมาณ 6 ล้านบาทให้กับ 24 มูลนิธิ เช่น UNICEF, กองทุนโรคมะเร็งในเด็กฯ, บ้านเด็กกำพร้า, มูลนิธิช่วยคนตาบอดแห่งประเทศไทยฯ, มูลนิธิสืบนาคะเสถียร ฯลฯ ร่วมกันซื้อเรือให้หน่วยกู้ภัย และรวบรวมเงินบริจาคประมาณ 2 ล้านบาทเพื่อช่วยเหลือชาวบ้านจากเหตุการณ์น้ำท่วมที่จังหวัดอุบลราชธานีในปี 2562
ในช่วงที่สถานการณ์โควิด-19 กำลังระบาด คุณหลวงได้ทักข้อความไปหาแฟนคลับที่ประกาศขายของ เพราะอยู่ในสถานการณ์ที่ลำบาก เพื่อขออุดหนุนสินค้าหลายอย่างจากแฟนคลับ และนำไปส่งมอบให้กับทีมแพทย์ที่กำลังทำงานอย่างหนัก
ในขณะที่แฟนคลับอีกหลายคนก็ยังช่วยกันรวบรวมเงินบริจาคมากกว่า 1.3 ล้านบาท เพื่อจัดซื้ออุปกรณ์การแพทย์ให้กับโรงพยาบาลรามาธิบดีเพื่อต่อสู้กับสถานการณ์โควิด-19
และเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา (2563) เป๊กและแฟนคลับก็เพิ่งนำรายได้หลังหักค่าใช้จ่ายจากการขายหน้ากากอนามัยที่ทำร่วมกับแบรนด์ Nagara จำนวน 260,000 บาท เพื่อมอบให้กับมูลนิธิสร้างรอยยิ้มให้กับเด็กๆ ที่ป่วยเป็นโรคปากแหว่งเพดานโหว่
โมเมนต์ที่ 7 คนพิเศษที่ให้โอกาสและมองเห็นทุกคนเป็น ‘คนพิเศษ’ เสมอ
อีกหนึ่งโมเมนต์ที่น่าประทับใจมากๆ ของเป๊ก และเราคิดว่าเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้เขายังเป็น ‘คุณหลวง’ ที่น่ารักของแฟนคลับมาได้อย่างเหนียวแน่นยาวนานมาจนถึงตอนนี้ คือการที่เป๊กเป็นคนที่พร้อมจะหยิบยื่นโอกาสให้กับคนขาดโอกาสอยู่เสมอ โดยเฉพาะกับน้องๆ ผู้ป่วยออทิสติกที่เป๊กมองเห็น ‘ความพิเศษ’ ที่หลายคนอาจจะมองข้ามไป
เริ่มตั้งแต่ช่วงที่จบรายการ The Mask Singer ใหม่ๆ ระหว่างที่เป๊กกำลังร้องเพลงท่ามกลางสายฝน แล้วมี น้องวุฒิ-ณัฐวุฒิ กีรติชัยพันธ์ แฟนคลับ ‘คนพิเศษ’ ขึ้นมาร่วมโชว์บนเวที
ตลอดระยะเวลาของโชว์ เป๊กไม่มีท่าทีของความรำคาญหรือไม่พอใจ แถมยังสนับสนุนให้น้องได้โชว์ความสามารถทั้งร้องและเต้นอย่างเต็มที่ ไปจนถึงช่วงที่เจ้าหน้าที่มาบอกให้น้องลงจากเวที แต่เป๊กก็ยังโอบไหล่และให้น้องโชว์ต่อไปจนจบ
ไปจนถึง Peck Palitchoke ‘First Date’ คอนเสิร์ตใหญ่ครั้งแรกของเป๊กที่เปิดโอกาสให้ น้องวุฒิ แฟนคลับคนพิเศษคนเดิมได้ขึ้นไปร่วมตีกลองเพลง นี่แหละความรัก (This is Love) เพื่อมอบช่วงเวลาสำคัญที่ทำให้วุฒิได้รับรู้ถึงความรู้สึกที่ได้รับการยอมรับ มีคนปรบมือ และได้เห็นความสามารถจริงๆ ที่มากกว่าความเห็นใจ รวมทั้งการจูงมือน้องๆ ผู้บกพร่องทางการได้ยินมาร่วมโชว์ท่าเต้นภาษามือที่เป็นกิมมิกของเพลงได้อย่างน่ารักและอบอุ่นหัวใจ
อาจเป็นเพราะตัวเป๊กเองเคยอยู่ในจุดที่ไร้ซึ่งความพิเศษมาก่อน เป๊กจึงรู้ว่าความเจ็บปวดเมื่อไม่มีคนสนใจนั้นเลวร้ายขนาดไหน และในบางครั้งคนพิเศษอาจไม่ต้องถึงกับเป็นคนที่ยิ่งใหญ่หรือสร้างความเปลี่ยนแปลงอะไรมากมายให้กับโลกใบนี้ แต่หมายถึงคนธรรมดาตัวเล็กๆ ที่มองเห็น ‘ความพิเศษ’ และให้ความสำคัญกับทุกๆ ชีวิต
เหมือนที่เป๊กเห็นความสำคัญของน้องๆ คนพิเศษ เห็นความสำคัญของครอบครัว เห็นความสำคัญของแฟนคลับ เห็นความสำคัญของเพื่อนร่วมงาน เห็นความสำคัญของทุกๆ คนที่ช่วยสนับสนุนให้เขามาถึงตรงนี้
และนั่นทำให้เป๊กกลายเป็น ‘คนพิเศษ’ ยิ่งกว่าใคร และทำให้มีผู้คนหลงรักในตัวของเขามากมายเหลือเกิน
ภาพ: สลัก แก้วเชื้อ, แฟนคลับเป๊ก ผลิตโชค และ White Music
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์