การระบาดของโรคโควิดที่เกิดขึ้นทั่วโลก ส่งผลให้วิธีการทำงานเปลี่ยนไป จากที่ต้องเข้าทำงาน 09.00 น. และเลิกงาน 18.00 น. ก็เปลี่ยนไปทำงานจากที่บ้านแทน และดูเหมือนว่าผู้คนจะชื่นชอบวิธีการทำงานแบบนี้ไปเสียแล้ว
ตัวเลขจาก Kastle บริษัทรักษาความปลอดภัยในสำนักงาน ที่ติดตามการรูดคีย์การ์ดในอาคารพาณิชย์หลายพันแห่ง แสดงให้เห็นว่าสำนักงานใน 10 เมืองที่ใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯ มีผู้ใช้บริการประมาณ 40% เพิ่มขึ้น 15% จากปีก่อนหน้า บริษัทต่างๆ เช่น Apple และ Google เริ่มกำหนดให้พนักงานส่วนใหญ่กลับมาที่สำนักงานตามแบบไฮบริดกันแล้ว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- พูดออกมาได้! ‘งานหนักไม่เคยฆ่าคน’ เมื่อประชากรกว่า 745,000 คนทั่วโลก เสียชีวิตเพราะทำงานหนักเกินไป
- มนุษย์เงินเดือนมักใช้เวลากว่า 85% กับการประชุม แต่ผลวิจัยชี้ ‘งดประชุม 3 วันต่อสัปดาห์’ ช่วยให้ประสิทธิภาพงานดีขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ
- ผลวิจัยใหม่ Gen Z และ Millennials ยอม ‘ลาออก’ หรือ ‘ว่างงาน’ ถ้าต้องทำงานในบริษัทที่ ‘ไม่มีความสุข’
แต่บริษัทต่างๆ ที่เรียกร้องให้คนกลับมาที่สำนักงานอาจเห็นพนักงานจำนวนมากขึ้นยอมลาออกจากงานมากขึ้นในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ตามผลการสำรวจของสถาบันวิจัย ADP ผ่านรายงาน ‘People at Work 2022: A Global Workforce View’ สำรวจพนักงานมากกว่า 32,000 คนในเดือนพฤศจิกายน 2021 จากสหรัฐฯ อินเดีย เนเธอร์แลนด์ และประเทศอื่นๆ
คีย์หลักที่พบจากการสำรวจในครั้งนี้คือ 2 ใน 3 ของพนักงานทั่วโลก หรือ 64% กล่าวว่า จะพิจารณาหางานใหม่ หากนายจ้างต้องการให้พวกเขากลับมาทำงานเต็มเวลา
“เมื่อ 2-3 ปีก่อน ความคิดที่จะทำงานในรูปแบบไฮบริดอาจเป็นเรื่องห่างไกลจากคนส่วนใหญ่” เนลา ริชาร์ดสัน หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ ADP กล่าวกับ CNBC Make It “แต่ตอนนี้เป็นที่ชัดเจนว่าการทำงานแบบผสมผสาน และความต้องการความยืดหยุ่นหลังจากทำงานที่บ้านเป็นเวลา 2 ปีจะไม่หายไป อันที่จริงแล้วยังเป็นโมเมนตัมที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ อีกด้วย”
แต่เมื่อผู้คนถามถึงความยืดหยุ่น ผู้คนจะเน้นที่สถานที่น้อยลง และให้ความสำคัญมากขึ้นว่าพวกเขาทำงานเมื่อใดและอย่างไร โดย “ผู้คนเคยชินกับการมีอิสระในการทำงานมากขึ้นในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นการรับลูกจากสถานรับเลี้ยงเด็ก หรือไปพบแพทย์โดยไม่ต้องขอเวลาพัก”
การต่อต้านการกลับมาทำงานเต็มเวลามีมากขึ้นในหมู่พนักงานที่อายุน้อยกว่า ประมาณ 71% ของเด็กอายุ 18-24 ปี กล่าวว่าพวกเขาจะพิจารณาหางานใหม่ หากบริษัทของพวกเขายืนกรานให้กลับมาที่สำนักงานเต็มเวลา ซึ่งเป็นตัวเลขที่น้อยกว่าเมื่อเทียบกับ 61% ของกลุ่มอายุ 35-44 ปี และ 56% ในกลุ่มอายุ 45-54 ปี
ริชาร์ดสันอธิบายว่าการทำงานทางไกลให้ความรู้สึกเป็นธรรมชาติมากขึ้น และน่ากลัวน้อยลงสำหรับพนักงานรุ่นเยาว์ เพราะพวกเขาเติบโตมาพร้อมกับเทคโนโลยี มันฝังอยู่ในโครงสร้างทางสังคม หลักสูตรของโรงเรียน งานอดิเรกของพวกเขา
นั่นเป็นเหตุผลที่บริษัทต่างๆ จำเป็นต้อง “ก้าวไปไกลกว่าการจัดเลี้ยงอาหารกลางวันและโต๊ะปิงปองเพื่อให้คนหนุ่มสาวกลับมาที่สำนักงาน” ริชาร์ดสันกล่าวเสริม ผู้บริหารจำเป็นต้องมุ่งเน้นที่การสร้างสภาพแวดล้อมในสำนักงานที่มีส่วนร่วม ซึ่งพนักงานสามารถรับคำปรึกษาที่มีคุณค่าจากผู้ที่มีอายุงานมากกว่า และมีส่วนร่วมในกิจกรรมความผูกพันในทีมกับเพื่อนร่วมงาน
“พนักงานต้องรู้สึกว่าตัวเองได้ประโยชน์จากการตื่นเช้าและเดินทางไปสำนักงาน ต้องคุ้มจริงๆ ไม่อย่างนั้นพวกเขาจะจากไป” ริชาร์ดสันกล่าว
อ้างอิง: