×

ศาลอาญาเผยแพร่ข่าวแจก ชี้แจงรายละเอียดคำพิพากษาจำคุก 6 ปี คดี ม.112 ของไอซ์ รักชนก

โดย THE STANDARD TEAM
13.12.2023
  • LOADING...
ไอซ์ รักชนก

วันนี้ (13 ธันวาคม) ศาลอาญาเผยแพร่เอกสารข่าวแจกสื่อมวลชน กรณีที่เช้าวันนี้ เวลา 09.00 น. ศาลอาญานัดฟังคำพิพากษาในคดีอาญา หมายเลขดำที่ อ.683/2565 ระหว่างพนักงานอัยการสำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 10 สำนักงานอัยการสูงสุด โจทก์ และ รักชนก ศรีนอก จำเลย

 

เอกสารข่าวแจกสื่อมวลชนของศาลอาญาระบุว่า โจทก์ฟ้องว่าจำเลยกระทำความผิดต่อกฎหมายหลายกรรมต่างกันเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2564 เวลากลางคืนก่อนเที่ยง จำเลยหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้าย พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 พระมหากษัตริย์ โดยการนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักรตามประมวลกฎหมายอาญา 

 

จำเลยใช้บัญชีทวิตเตอร์ ‘ไอซ์ หรือ @nanaicez’ ของจำเลย โพสต์ (Tweet) ข้อความว่า “พูดตรงๆ นะ ที่พวกเราต้องมาเจอวิกฤตวัคซีนแบบทุกวันนี้เริ่มต้น

ก็เพราะรัฐบาลผูกขาดวัคซีนเพื่อหาซีนให้เจ้า สร้างวาทกรรมของขวัญจากพ่อต่างๆ เล่นการเมืองบนวิกฤตชีวิตของประชาชน ผลสุดท้ายคนที่ซวยที่สุดคือประชาชน #28กรกฎาร่วมใจใส่ชุดดำ” พร้อมพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 พระมหากษัตริย์ ประกอบป้ายข้อความว่า “ทรราช (คำนาม) TYRANT; ผู้ปกครองบ้านเมืองที่ใช้อำนาจสร้างความเดือดร้อนให้แก่ผู้ที่อยู่ใต้การปกครอง” ลงบนแอปพลิเคชันทวิตเตอร์

 

ทำให้เข้าใจความหมายได้ว่า พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 พระมหากษัตริย์ เป็นผู้ปกครองบ้านเมืองที่ทำให้ประชาชนเดือดร้อนโดยประการที่จะทำให้พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 พระมหากษัตริย์ ทรงเสื่อมเสียพระเกียรติยศ ทรงถูกดูหมิ่น หรือทรงถูกเกลียดชัง อันเป็นการหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ และเป็นการนำข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร ตามประมวลกฎหมายอาญาในสภาพที่ระบบคอมพิวเตอร์อาจประมวลผลได้ เข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์อันฝ่าฝืนต่อกฎหมาย เมื่อระหว่างวันที่ 18 กรกฎาคม – 9 สิงหาคม 2564 วันและเวลาใดไม่ปรากฏชัด จำเลยหมิ่นประมาท ดูหมิ่น แสดงความอาฆาตมาดร้ายพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 พระมหากษัตริย์ โดยการเผยแพร่หรือส่งต่อซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ โดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นข้อมูลคอมพิวเตอร์ อันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักรตามประมวลกฎหมายอาญา 

 

จำเลยใช้บัญชีทวิตเตอร์ ‘ไอซ์ หรือ @nanaicez’ ของจำเลย โพสต์ซ้ำ (Retweet) ข้อความที่ผู้ใช้บัญชีทวิตเตอร์ ‘CHANI หรือ @ratsinapata’ โพสต์ (Tweet) ข้อความว่า “เราไม่เป็นไทจนกว่ากษัตริย์จะถูกแขวนคอด้วยลำไส้ของขุนนางคนสุดท้าย #ล้มราชวงศ์จักรี” ประกอบข้อความที่ผู้ใช้บัญชีทวิตเตอร์ ‘นิรนาม หรือ @231022’ โพสต์ (Tweet) ข้อความว่า “เราจะไม่เป็นไทจนกว่ากษัตริย์จะถูกแขวนคอด้วยลำไส้ของขุนนางคนสุดท้าย” #วชิราลงกรณ์เป็นฆาตกร #ม็อบ16ตุลา #16ตุลาไปแยกปทุมวัน” ลงบนแอปพลิเคชันทวิตเตอร์ 

 

ทำให้เข้าใจความหมายได้ว่า เป็นการแสดงความอาฆาตมาดร้ายและไม่เคารพสักการะพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 พระมหากษัตริย์ โดยประการที่น่าจะทำให้พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 พระมหากษัตริย์ ทรงเสื่อมเสียพระเกียรติยศ ทรงถูกดูหมิ่น หรือทรงถูกเกลียดชัง อันเป็นการหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ และเผยแพร่หรือส่งต่อซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ในสภาพที่ระบบคอมพิวเตอร์อาจประมวลผลได้ โดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักรตามประมวลกฎหมายอาญา โดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย 

 

จึงขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91, 112 พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 มาตรา 3, 14 (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2560 มาตรา 8 จำเลยให้การปฏิเสธ

 

คดีมีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยว่า จำเลยกระทำความผิดตามฟ้องหรือไม่ เห็นว่าโจทก์มีนาง ม. เป็นพยานเบิกความว่าพยานเป็นสมาชิกแอปพลิเคชันไลน์แบบกลุ่มได้รับภาพที่ส่งเข้ามาในกลุ่มไลน์ ซึ่งจำเลยเป็นผู้ทวีตภาพและข้อความและรีทวีต (Retweet) ซึ่งพยานเห็นว่าการทวีตของจำเลยเป็นการใส่ร้ายพระมหากษัตริย์รัชกาลที่ 10 

 

ส่วนการรีทวีตของจำเลยมีการระบุชื่อของรัชกาลที่ 10 และมีเนื้อหาที่เป็นการเหยียดหยาม ดูหมิ่น อาฆาต มาดร้ายพระมหากษัตริย์ เนื่องจากมีรูปโปรไฟล์และชื่อของจำเลยเป็นผู้โพสต์ข้อความพยาน จึงนำภาพและข้อความดังกล่าวไปแจ้งความกล่าวโทษให้ดำเนินคดีกับจำเลยที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) และยังมีพันตำรวจโท ภ. เป็นพยานเบิกความว่า พยานได้รับการประสานให้เป็นผู้ตรวจสอบบัญชีทวิตเตอร์ของจำเลยและบัญชีที่เกี่ยวข้องกับการรีทวีตแล้ว ผลการตรวจสอบบัญชีทวิตเตอร์ของจำเลยมีความเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง โดยมีการโพสต์ภาพของ บุคคลและมีการเชื่อมโยงกับบัญชีเฟซบุ๊ก ชื่อ RUKCHANOK SRINORK และมีอินสตาแกรมโดยมีชื่อผู้ใช้บัญชี USER NAME เช่นเดียวกัน 

 

จำเลยให้การต่อสู้ประการหนึ่งว่า ภาพและข้อความตามฟ้องเป็นการใส่ร้ายตนจากบุคคลที่เห็นต่างทางการเมืองหากตนโพสต์ภาพและข้อความตามฟ้อง ซึ่งมีเนื้อหาค่อนข้างร้ายแรงแล้วย่อมต้องถูกดำเนินคดีอย่างแน่นอน เพราะมีบุคคลที่จ้องจะเล่นงานตนอยู่แล้ว ตนจึงไม่มีทางที่จะโพสต์ภาพและข้อความตามฟ้อง และตนมีความศรัทธาในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข แต่กลับได้ความจากพยานโจทก์ปากนาง ม. ซึ่งไม่เคยรู้จักกับจำเลยเป็นการส่วนตัว หรือมีสาเหตุบาดหมางกับจำเลยมาก่อน ทั้งเมื่อไม่ปรากฏว่านาง ม. เป็นนักการเมืองหรือมีส่วนได้เสียทางการเมืองการที่นาง ม. นำภาพและข้อความตามฟ้องมาแจ้งความกล่าวหาให้ดำเนินคดีกับผู้ที่โพสต์ นับว่าเป็นการทำหน้าที่ของปวงชนชาวไทยตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 มาตรา 50

 

จึงเชื่อว่า นาง ม. แจ้งความและเบิกความไปตามสิ่งที่ตนพบเห็น โดยไม่มีเจตนา

กลั่นแกล้งจำเลยแต่อย่างใด หากจำเลยมีความศรัทธาในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขแล้ว ย่อมไม่อาจมีการโพสต์ข้อความใดๆ ในทางลบให้นาง ม. หรือประชาชนทั่วไปได้พบเห็น ข้ออ้างของจำเลยในส่วนนี้จึงไม่น่าเชื่อถือ 

 

ประกอบกับในชั้นสอบสวนจำเลยให้การปฏิเสธ โดยไม่ได้ให้การในรายละเอียดแต่ประการใด ซึ่งจำเลยให้การเพียงว่า ‘ขอไม่ให้การ’ และเมื่อพนักงานสอบสวนถามถึงโทรศัพท์เคลื่อนที่ของจำเลย จำเลยก็ให้การว่า ‘ไม่ได้เอามา’ โดยจำเลยมิได้ให้การโต้แย้งว่าเป็นภาพตัดต่อหรือโต้แย้งว่าตนถูกใส่ร้ายทางการเมือง รวมทั้งมิได้ขวนขวายที่จะขอส่งมอบโทรศัพท์เคลื่อนที่ของตนให้พนักงานสอบสวนทำการตรวจสอบข้อมูล ทั้งที่เป็นการไม่ยากที่จะกลับไปเอาหรือส่งมอบให้ภายหลังในระยะเวลาอันสมควร ทั้งที่จำเลยถูกแจ้งข้อหาในความผิดร้ายแรงที่กระทำต่อพระมหากษัตริย์ 

 

โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากมีการตัดต่อนำภาพโปรไฟล์ของจำเลยมาโพสต์เพื่อใส่ร้ายจำเลยจริง แล้วเชื่อว่าจำเลยย่อมต้องให้การโต้แย้งต่อพนักงานสอบสวนว่ามีการตัดต่อภาพเพื่อใส่ร้ายตน พฤติกรรมของจำเลยที่ไม่ขอตอบข้อซักถามของพนักงานสอบสวนและไม่ขวนขวายในการแสดงหลักฐาน เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ของตน จึงเป็นการผิดวิสัยของประชาชนคนไทยทั่วไปที่สืบสานวัฒนธรรมและทัศนคติในการเคารพองค์พระมหากษัตริย์มาอย่างยาวนานหลายชั่วอายุคน 

 

ซึ่งการจะมีหลักฐานทางระบบคอมพิวเตอร์หลงเหลืออยู่หรือไม่ ต้องพิจารณาพฤติกรรมของจำเลยในการให้ความร่วมมือและการเสนอพยานหลักฐาน เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจด้วย และไม่มีเหตุใดให้เชื่อว่าพนักงานสอบสวนนาง ม. ผู้กล่าวหา จะร่วมกันคิดสร้างหรือกำหนดจัดแต่ง URL รวม 4 URL ขึ้นมาเองเพื่อเอาผิดจำเลย ซึ่งแต่ละ URL จะมีรายละเอียดแตกต่างกัน จำเลยเองกลับมิได้ให้การทักท้วงหรือปฏิเสธถึงความมีอยู่หรือความถูกต้องของ URL ดังกล่าวในชั้นสอบสวน ซึ่งเป็นระยะเวลาใกล้ชิดกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น อันเป็นระยะเวลาที่เชื่อว่าจำเลยไม่อาจคิดหาหนทางบิดเบือนข้อเท็จจริงได้ดังเช่นข้อต่อสู้ในชั้นพิจารณา ซึ่งเป็นระยะเวลาห่างจากที่จำเลยให้การในชั้นสอบสวนประมาณ 1 ปี 6 เดือน ข้อต่อสู้ของจำเลยในชั้นพิจารณาจึงมีน้ำหนักน้อย 

 

พยานหลักฐานโจทก์ที่นำสืบมาประกอบกับพฤติกรรมของจำเลย ซึ่งไม่นำพาหรือขวนขวายที่จะให้การหรือแสดงหลักฐานใดเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ของตนในชั้นสอบสวน อันเป็นการผิดวิสัยของบุคคลทั่วไปในฐานะปวงชนชาวไทย ซึ่งต้องเคารพและไม่ละเมิดต่อองค์พระมหากษัตริย์ภายใต้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยทุกฉบับ เชื่อว่าจำเลยได้โพสต์หรือทวีตและรีทวีตภาพและข้อความลงในระบบคอมพิวเตอร์ตามฟ้อง ภาพและข้อความตามฟ้องนับว่ามีเนื้อหาซึ่งเป็นการกล่าวร้ายและอาฆาตมาดร้ายต่อพระชนม์ชีพของพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 และราชวงศ์จักรี ซึ่งย่อมหมายถึงพระราชินีด้วย 

 

จำเลยจึงมีความผิดต่างกรรมต่างวาระ 

 

พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 มาตรา 14 (2) การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานหมิ่นประมาท ดูหมิ่น แสดงความอาฆาตมาดร้าย พระมหากษัตริย์ พระราชินีฯ และฐานนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อความมั่นคงของประเทศ เป็นกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 ฐานหมิ่นประมาท ดูหมิ่น แสดงความอาฆาตมาดร้าย พระมหากษัตริย์ พระราชินีฯ จำคุกกระทงละ 3 ปี รวม 2 กระทง คงจำคุก 6 ปี

 

อ้างอิง: 

  • ศาลอาญาเผยแพร่เอกสารข่าวแจกสื่อมวลชนผ่านช่องทางการสื่อสารกับสื่อมวลชนของศาล ข้อความและเนื้อหาผ่านการตรวจและเรียงจากศาล

 

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising