6 กระเป๋าที่ ‘คุ้มค่าแก่การซื้อ’ เพราะไม่ใช่แค่ถูกใจ แต่ยังเป็นการลงทุนชั้นดีอีกด้วย!

ในปี 2020 ผลตอบแทนในแง่การลงทุนของ ‘กระเป๋าถือ’ หรือ Handbags แซงหน้างานศิลปะหายาก รถยนต์ และวิสกี้ ตามรายงานของ Art Market Research คาดว่าภายในปี 2027 ตลาดนี้จะมีมูลค่ากว่า 1 แสนล้านดอลลาร์ เมื่อเทียบกับ 7.2 หมื่นล้านดอลลาร์ในปัจจุบัน

นี่เองทำให้การซื้อ ‘กระเป๋าถือ’ ไม่ใช่แค่ถูกใจเท่านั้น แต่ยังเป็นการลงทุนชั้นดีอีกด้วย! ซึ่งรายงานของ CNBC Make It ได้เผยถึงกระเป๋า 6 แบบที่ควรค่าแก่การซื้อมาเก็บไว้เพื่อสร้างความมั่งคั่ง

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

• ชี้เป้า ‘7 รุ่นกระเป๋าแบรนด์เนม’ ที่น่าสนใจ ซื้อไว้ใช้ก็ได้ เก็บไว้ลงทุนก็ดี
• สำรวจตลาดกระเป๋าหรู ราคายังร้อนแรงอยู่ไหม?
• สำรวจความร้อนแรงตลาด ‘กระเป๋าแบรนด์เนม’ มือสอง

1. Telfar – ด้วยความต้องการที่มาก การผลิตที่จำกัด และเหล่าคนดังอย่าง Dua Lipa, Oprah Winfrey และ Beyoncé ที่เลือกใช้ ทำให้ Telfar มีมูลค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 195% หรือเพิ่มขึ้นเกือบ 2 เท่าเมื่อเทียบกับราคาที่ออกจากร้าน ซึ่งตัวเลขนี้เหนือกว่าแบรนด์ดังเช่น CHANEL ซึ่งมีการรักษามูลค่าเฉลี่ยไว้ที่ 87%

2. Hermès – นี่คือหนึ่งในแบรนด์ที่สามารถขายต่อในราคาที่สูงขึ้น โดยแบรนด์หรูของฝรั่งเศสมีมูลค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 103% ซึ่งรุ่นชื่อดังอย่างกระเป๋า Birkin และ Kelly ถือเป็นรุ่นที่นิยมอย่างมาก โดยเฉพาะหากเป็น Birkin รุ่นหายากราคาจะเพิ่มไป 2 เท่ากว่าๆ เมื่อขายต่อ

3. Louis Vuitton – อีกหนึ่งแบรนด์ที่มองข้ามไม่ได้เลยสำหรับ Louis Vuitton ซึ่งมีมูลค่าการขายต่อที่น่าประทับใจอย่างมาก เช่น กระเป๋า Nigo Keepall Bandoulière มีราคาขายต่อเฉลี่ยอยู่ที่ 119% ในขณะที่ Louis Vuitton x NBA Ball มีตัวเลข 147%

4. CHANEL – มูลค่าการขายต่อของกระเป๋า CHANEL เพิ่มขึ้นตามราคาขายหน้าร้านที่ปรับตัวเลขขึ้น 12% จากปี 2021 โดยหลายใบมีมูลค่าสูงเป็นอย่างมาก เช่น Deauville Tote และ Grand Shopping Tote ของ CHANEL มีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 112% และ 110% ตามลำดับ สำหรับการขายต่อในตลาดรอง

5. รุ่น Mini – กระเป๋ารุ่น Mini หรือขนาดเล็กถือเป็นการลงทุนที่ยอดเยี่ยม เพราะผลิตในปริมาณที่น้อยกว่าและมีความต้องการสูง ซึ่งมักจะทำให้มูลค่าตลาดรองเพิ่มขึ้น ตัวอย่างเช่น กระเป๋าถือ Louis Vuitton Speedy Mini HL มีมูลค่า 201% เมื่อขายต่อ ในขณะที่ Fendi Micro Baguette แบบวินเทจอยู่ที่ 149% ในตลาดรอง

6. Collaboration – ส่วนใหญ่แล้วการเป๋าที่คอลแลบบอเรชันระหว่างแบรนด์มักจะเป็นรุ่นลิมิเต็ดที่ผลิตออกมาจำกัด จึงไม่ต้องแปลกใจหากราคาขายต่อจะเพิ่มขึ้นอย่าง Balenciaga และ Gucci ในคอลเล็กชัน The Hacker Project ที่ขายต่อได้ในราคาที่เพิ่มขึ้น 122% เป็นต้น

อย่างไรก็ตามมีข้อแนะนำว่าไม่ใช่กระเป๋าทุกใบที่ควรค่าแก่การลงทุน เพราะกระเป๋าถือที่นำสมัยเกินไปมักจะตกเทรนด์ภายในเวลาไม่กี่ปี ดังนั้นจึงไม่มีคุณค่ามากนักในตลาดรอง ซึ่งเหล่านี้ควรพิจารณาดีๆ หากต้องการซื้อเพื่อเพิ่มมูลค่าในอนาคต

อ้างอิง:

• https://www.cnbc.com/2022/12/30/designer-bags-that-are-worth-the-investmentand-ones-you-may-regret-buying-shopping-expert.html