วันนี้ (8 พฤศจิกายน) พล.ต.ต. ปิยะ ต๊ะวิชัย รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รอง ผบช.น.) เปิดเผยถึงการวางกำลังตำรวจดูแลความปลอดภัยผู้ชุมนุม 59 กองร้อย ประมาณ 8,850 นาย โดยแบ่งเป็น 3 พื้นที่สำคัญคือ พื้นที่โซนแรก ตั้งแต่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยถึงสะพานผ่านฟ้า โดยมี พ.ต.อ. อรรถวิทย์ สายสืบ รักษาราชการแทนผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1 สำหรับพื้นที่โซน 2 สนามหลวงและพื้นที่โดยรอบรวมถึงวัดพระแก้ว มี พล.ต.ต. เมธี รักพันธุ์ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 6 และพื้นที่โซน 3 สะพานผ่านฟ้าถึงทำเนียบรัฐบาล มี พล.ต.ต. สหรัฐ สังข์ศิลปชัย รอง ผบช.น. และ พล.ต.ต. จิรพัฒน์ ภูมิจิตร รอง ผบช.น. ควบคุมดูแล
ขณะเดียวกันขอย้ำว่าห้ามผู้ชุมนุมเข้าใกล้สถานที่สำคัญเกิน 150 เมตร ทั้งสถานที่ราชการและเขตพระราชฐาน โดยถนนราชดำเนินมาถึงได้แค่สะพานมัฆวานรังสรรค์ ส่วนทางไปสนามหลวงไปได้แค่ซอยมหาธาตุถึงหน้าศาลฎีกาเท่านั้น แต่หากผู้ชุมนุมยังยืนยันจะผ่านเข้าไป จะต้องปฏิบัติตามขั้นตอน ส่วนกิจกรรมการเขียนราษฎรสาสน์ถึงกษัตริย์ หากพบว่ามีข้อความหมิ่นประมาทหรืออาฆาตมาดร้ายก็ต้องดำเนินคดีตามกฎหมาย
ด้าน พ.ต.อ. กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า การชุมนุมมี 2 กลุ่ม กลุ่มแรกเป็นกลุ่มศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบันฯ หรือ ศปปส. ชุมนุมหน้าร้านอาหารเมธาวลัย ศรแดง ในเวลา 14.00 น. ซึ่งผู้ชุมนุมทำหนังสือขออนุญาตเรียบร้อย ส่วนกลุ่มราษฎรจะมาในเวลา 16.00 น. ไม่มีการขออนุญาต แต่ยืนยันว่าจะไม่มีการเผชิญหน้ากันแน่นอน พร้อมฝากประชาสัมพันธ์ให้ผู้ชุมนุมที่ต้องการมาชุมนุมที่ใดก็ตาม ทำหนังสือส่งถึงตำรวจก่อน เพื่อเตรียมความพร้อมในการดูแลความปลอดภัย เพราะที่ผ่านมาเริ่มเกิดเหตุมือดีเข้ามาสร้างสถานการณ์บ้างแล้ว
ขณะที่ พล.ต.ต. ปิยะ กล่าวเพิ่มเติมว่า กรณีเหตุมือดีสร้างสถานการณ์ เป็นเพราะผู้ชุมนุมไม่ได้แจ้งล่วงหน้า ทำให้รักษาความปลอดภัยไม่ได้ และเหตุประทัดที่รถไฟฟ้าท่าพระคาดว่าเป็นการจุดกันเองในพื้นที่ชุมนุม เพราะเมื่อพิสูจน์ทราบและวิเคราะห์แล้วไม่สามารถโยนลงมาจากข้างบนได้
นอกจากนี้มีรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจยังเตรียมชุดเคลื่อนที่เร็วอีกจำนวนหนึ่ง กรณีผู้ชุมนุมราษฎรอาจจะเคลื่อนไปยังจุดต่างๆ ซึ่งมีการประเมินว่าอาจจะมากถึง 22 จุด แต่จะเป็นจุดไหนบ้างต้องรอผู้ชุมนุมอีกครั้ง
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า
