จะยุบสภาหรือไม่ยังไม่รู้ แต่ที่แน่ๆ เราเริ่มเห็นการแนะนำตัวของผู้สมัครหน้าใหม่จากหลายๆ พรรคการเมือง และในจำนวนนั้นก็มีคนคุ้นหน้าในวงการบันเทิงและแวดวงสังคมตบเท้าเข้ามาเป็นความหวังใหม่ในแวดวงการเมืองไทย ซึ่งถ้าย้อนกลับไปเมื่อการเลือกตั้งครั้งที่แล้ว ก็มีผู้สมัครจากวงการบันเทิงทั้งสมหวังและผิดหวังได้เข้าไปนั่งในสภา เช่น หมอเก่ง-วาโย อัศวรุ่งเรือง ส.ส. บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล, หมอเอ้ก-คณวัฒน์ จันทรลาวัณย์ ผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเขตบางซื่อ-ดุสิต พรรคประชาธิปัตย์ และ กอล์ฟ ธัญญ์วาริน อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ จากพรรคก้าวไกล เป็นต้น ส่วนในปีนี้มีใครบ้างที่ประกาศตัวว่าจะทำงานด้านการเมืองลองไปดูกัน

เริ่มตั้งแต่ แคนแคน-นายิกา ศรีเนียน อดีตไอดอลจาก BNK48 ที่สวมเสื้อพรรคก้าวไกลโพสต์ลงโซเชียลมีเดียตั้งแต่ต้นปีที่ผ่าน ถ้าจำกันได้ แคนแคนคือไอดอลคนแรกๆ ที่ออกมา Call Out เรื่องการเมืองตั้งแต่สถานการณ์ยังไม่เดือดแบบปัจจุบันนี้ และตอนนี้แคนแคนก็ชิมลางลงพื้นที่ช่วยเหลือประชาชนและเคลื่อนไหวเรียกร้องประชาธิปไตย รวมทั้งเป็นส่วนหนึ่งของคณะ​​ที่ปรึกษาอนุกรรมาธิการศึกษาอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์เกมและอีสปอร์ตตั้งแต่เมื่อปลายปีที่แล้ว

แคนแคน-นายิกา ศรีเนียน 

ครูเป็ด-มนต์ชีพ ศิวะสินางกูร นักร้อง นักแต่งเพลงและอดีตคอมเมนเตเตอร์ฝีปากกล้าจากรายการ True Academy Fatasia ก็สมัครเป็นสมาชิกพรรคกล้า ด้วยแนวความคิดอยากสร้างความเปลี่ยนแปลงมากกว่านั่งบ่นแล้วไม่ลงมือทำ จึงซื้อไอเดียของพรรคที่ว่า ‘กล้า…เรามาเพื่อลงมือทำ’ ซึ่งก็ต้องจับตาดูว่าจะเป็นจริงอย่างที่ตั้งใจหรือไม่ เพราะในช่วงที่ผ่านมาหลายๆ ไอเดียที่โพสต์ลองโซเชียลมีเดียจากสมาชิกบางส่วนของพรรคกล้าก็ทำให้เกิดกระแสตีกลับจากชาวเน็ตให้ ‘พักก่อน’ อยู่เหมือนกัน 

ครูเป็ด-มนต์ชีพ ศิวะสินางกูร 

อีกหนึ่งนักร้องที่ประกาศลงทำงานการเมืองสดๆ ร้อนๆ ก็ เมธี ลาบานูน หรือ เมธี อรุณ ในฐานะว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. นราธิวาส สังกัดพรรคประชาธิปัตย์ น้อยคนจะรู้ว่าความจริงแล้วเมธีเป็นอาจารย์สอนรัฐศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยหาดใหญ่มากว่า 4 ปีแล้ว 

เมธี ลาบานูน หรือ เมธี อรุณ

ส่วนอีกหนึ่งปรากฏการณ์ก็คือการเกิดขึ้นของกลุ่มการเมืองในชื่อรวมไทยยูไนเต็ดโดย 4 แกนนำ ได้แก่ ​วินท์ สุธีรชัย อดีต ส.ส. พรรคก้าวไกล, โก้-วรนัยน์ วาณิชกะ, อภิรัต ศิรินาวิน และ จุ๊บแจง-ณิชนัจทน์ สุดลาภา กับแนวคิด ‘รวมกันคิด รวมกันทำ รวมกันสร้าง’ โดย 2 ใน 4 ก็เคยปรากฏชื่อในข่าวบันเทิงอยู่บ้างก็คือ โก้ วรนัยน์ อดีตบรรณาธิการ GQ Thailand และอดีตสามีของ แพง-ขวัญข้าว เศวตวิมล ซึ่งก่อนหน้านี้ก็เป็นคอลัมนิสต์ด้านการเมืองและเป็นอาจารย์พิเศษในมหาวิทยาลัย ถือว่าเป็นนักการเมืองรุ่นใหม่ที่น่าจับตามอง ส่วน จุ๊บแจง ณิชนัจทน์ หรือชื่อในวงการนางแบบคือ Sarina Thai มีดีกรีเป็นนางแบบไทยข้ามเพศคนแรกที่มีโอกาสเดินแฟชั่นโชว์ในคอลเล็กชัน Spring/Summer 2014 ที่นิวยอร์กแฟชั่นวีก

รวมไทยยูไนเต็ด

จุ๊บแจง ณิชนัจทน์ หรือ Sarina Thai 

การเข้ามาทำงานการเมืองในครั้งนี้จุ๊บแจงหวังที่จะพลักดันเรื่องสิทธิเสรีภาพของคนทุกกลุ่มในสังคม ยกเลิกการเลือกปฏิบัติที่เกิดจากอคติทางด้านเพศ นับเป็นอีกหนึ่งความหวังของคนในกลุ่ม LGBTQ ในการเลือกตั้งครั้งต่อไป 

การเข้ามาทำงานการเมืองของคนบันเทิงไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะอย่างที่เคยเขียนไปในหลายๆ บทความว่าธรรมชาติของอาชีพดารานักร้อง และนักการเมืองมีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกันคือเป็นอาชีพที่เกิดขึ้นจากความนิยมของประชาชน การเป็นคนมีชื่อเสียงจึงเป็นแต้มต่อให้เดินสู่เส้นทางการเมืองได้สะดวกขึ้น เราจึงได้เห็นนักร้องนักแสดงในอดีตหลายๆ ท่านลงมาทำงานการเมือง ไม่ว่าจะเป็น แซม-ยุรนันท์ ภมรมนตรี, บรู๊ค-ดนุพร ปุณณกันต์, อริสมันต์ พงษ์เรืองรอง, กรุง ศรีวิไล หรือแม้กระทั่ง ก้อย-พรพิมล ธรรมสาร อดีต ส.ส. พรรคเพื่อไทยที่มีกระแสย้ายพรรค ก็เคยเป็นอดีตนักร้องเจ้าของเพลงฮิตอย่างเพลง สายเกินไป ของวงโอเวชั่นที่ใช้ประกอบภาพยนตร์เรื่อง แฟนฉัน 

อย่างไรก็ดี เนื้องานด้านบันเทิงกับการเมืองนั้นต่างกัน จะอาศัยแค่ความสวยหล่อ เสียงเพราะๆ และวาทศิลป์ชั้นเลิศเรียกความนิยมคงไม่ได้แต่ต้องอาศัยการลงมือทำ อย่างกรณีของ ตู่-นันทิดา แก้วบัวสาย ที่สอบผ่านฉลุยในฐานะนักร้อง แต่สำหรับการเป็นนักการเมืองยังคงต้องอาศัยเวลาพิสูจน์ตัวเองอีกสักระยะ เพราะตั้งแต่รับตำแหน่ง นายก อบจ.สมุทรปราการ ก็เกิดกรณี ตามหา ‘นายกตู่’ (นันทิดา) อยู่บ่อยๆ สิ่งเหล่านี้คือโจทย์สำหรับคนดังที่หันลงมาทำงานการเมืองต้องพิสูจน์ให้ประชาชนประจักษ์ ซึ่งผลลัพธ์จะเป็นดอกไม้หรือก้อนหินก็ขึ้นอยู่กับการประทำของคุณเอง

ภาพ: @cannayika, IG: @sarina_thai, IG: @voranai_vanijaka, IG: @metee_arun FB: พรรคกล้า – KLA Party, FB: รวมไทย ยูไนเต็ด