มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ จัดงานครบรอบ 42 ปี เหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 โดยเริ่มงานตั้งแต่ช่วงเช้า มีการทำบุญตักบาตรพระสงฆ์ 19 รูป จากนั้นตัวแทนองค์กรต่างๆ ได้วางพวงมาลาและดอกไม้ประติมานุสรณ์ 6 ตุลาคม 2519 ต่อด้วยผู้แทนองค์กรและบุคคลกล่าวไว้อาลัยวีรชน 6 ตุลาคม 2519 และเลขาธิการองค์การนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ อ่านบทกวีรำลึกวีรชน 6 ตุลาคม
นายบุญสม อัครธรรมกุล ผู้ช่วยอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ระบุถึงบทเรียนจากเหตุการณ์ประวัติศาสตร์การเมืองไทย 6 ตุลาคม 2519 สู่การตระหนักถึงการเมืองที่กำลังจะเข้าสู่การเลือกตั้งที่อาจเกิดความขัดแย้งเห็นต่างว่า เป็นปกติที่จะเกิดความเห็นต่างในสังคม แต่ขึ้นอยู่กับว่าแต่ละยุคสมัยจะมีการจัดการความขัดแย้งอย่างไร
แม้หลายคนยังคิดว่ารากเหง้าความขัดแย้งยังคงดำรงอยู่ ไม่เพียง 6 ตุลาคม ยังรวมถึงเหตุการณ์ปี 2552, 2553 และ 2557 แต่เชื่อว่าจะเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น นั่นเพราะการใช้ความรุนแรงหรือเข่นฆ่าทำลายกันไม่ใช่การแก้ไขปัญหา ดังนั้นการจัดงานวันนี้จึงหยิบยกเรื่อง ‘สันติประชาธรรม’ ของศาสตราจารย์ป๋วย อึ้งภากรณ์ มาชี้ให้เห็นว่า เป็นวิธีที่แก้ปัญหาขัดแย้งได้ เพราะเป็นสิ่งหลีกเลี่ยงไม่ได้ เมื่อใกล้เข้าสู่การเลือกตั้งจะมีการต่อสู้ทางการเมืองที่เกิดจากการเสนอความคิดที่โจมตีฝ่ายตรงข้าม โดยต้องว่าไปตามกระบวนการยุติธรรม หากเกิดการปลุกระดมจนเกิดความไม่พอใจในสังคม และหวังว่าการต่อสู้ทางการเมืองของแต่ละพรรคจะเกิดความสร้างสรรค์ เมื่อเทียบกับการเมืองการเลือกตั้งในต่างประเทศก็ไม่ได้ต่างกัน แต่ต้องยอมรับว่าพลเมืองของประเทศเขามีการจัดการที่มีวิจารณญาณที่ต่างกัน และเชื่อว่าการเลือกตั้งที่กำลังจะเกิดขึ้นอาจดีกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา
นายบุญสมระบุว่า การสืบทอดอำนาจไม่ได้มีแต่ในไทย ซึ่งต่างประเทศก็เคยเกิดขึ้น โดยขึ้นอยู่กับวิธีการจัดการและป้องกันความขัดแย้ง แม้เหตุการณ์หลังการเลือกตั้งอาจเกิดขึ้น กรณีเกิดขั้วเห็นต่างระหว่างกลุ่มที่ไม่เอา คสช. กับกลุ่มที่สนับสนุน หากรัฐบาลหลังการเลือกตั้งเร่งแก้ไขปัญหาพื้นฐานของสังคมประชาชนได้ดี ประเด็นเรื่องความขัดแย้ง เอาหรือไม่เอา คสช. จะเลือนหายไป ซึ่งเชื่อว่าทหารจะมีการสรุปวิเคราะห์บทเรียน เพราะถือว่าเป็นผู้ที่มีความรู้ความเข้าใจ
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า