×

ระวังฉลาก อย. ปลอม! รู้เท่าทัน 4 สารอันตรายที่ อย. ห้ามใช้ในเครื่องสำอาง

23.04.2018
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

3 MINS READ
  • สารปรอท สารไฮโดรควิโนน สเตียรอยด์​ และกรดเรทิโนอิก คือ 4 สารที่องค์การอาหารและยาห้ามใช้เป็นส่วนประกอบในเครื่องสำอาง เพราะมีผลข้างเคียงที่เป็นอันตรายต่อผิวหนังตั้งแต่ระดับผดผื่น ไปจนถึงความเสี่ยงของโรค
  • การเช็กว่าผลิตภัณฑ์ใดปลอดภัย แค่ดูฉลากอาหารและยาบนบรรจุภัณฑ์อาจเชื่อได้ยากกว่าเดิม เพราะมีการปลอมแปลงเกิดขึ้นบ่อย วิธีที่ดีที่สุดคือเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ที่มาจากแหล่งจำหน่ายที่น่าเชื่อถือและตรวจสอบได้

ข่าวดังที่กำลังเป็นประเด็นร้อนเรื่องการปลอมแปลงสัญลักษณ์อาหารและยาของบริษัท เมจิก สกิน จำกัด นับว่าสร้างแรงกระเพื่อมมหึมาและส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง

ทั้งต่อธุรกิจผลิตภัณฑ์ เครื่องสำอาง และอาหารเสริมในเครือเมจิกสกิน รวมถึงศิลปินดาราและผู้มีชื่อเสียงในโลกโซเชียลที่รับจ้างรีวิวผลิตภัณฑ์เหล่านี้ไม่ต่ำกว่า 16 คน ทว่าคนที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด คือกลุ่มผู้บริโภคที่ได้รับความเดือดร้อนทั้งจากการปลอมแปลง ‘อย.’ โดยตรง

 

THE STANDARD พาไปรู้จักกับโทษและอันตรายของสารอันตรายที่ห้ามใช้ในผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง เพื่อให้รู้เท่าทันและปกป้องตัวเองให้รอดพ้นจาก 4 สารที่เป็นอันตรายต่อผิว  

 

4 สารอันตรายจากครีมหน้าขาว

ผลิตภัณฑ์ประเภทครีมหน้าขาวที่เป็นอันตรายต่อผิวหนัง เคยมีการเปิดเผยโดยฝ่ายเภสัชกรรม คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล เอาไว้ว่า ผลิตภัณฑ์ประเภทครีมหน้าขาว หรือ Whitening Products นั้นมักมีผลข้างเคียงที่เป็นอันตรายต่อผิวหนัง แม้ตอนแรกที่ใช้ผลิตภัณฑ์จะเห็นผลลัพธ์ได้รวดเร็วทันใจ ผิวดูใสขึ้นจริง แต่ก็ให้ผลเพียงระยะเวลาสั้นๆ เท่านั้น แต่เมื่อเวลาผ่านไป อาจเกิดผลข้างเคียงที่ตามมาคือรอยไหม้ดำที่แผ่เป็นวงกว้าง รอยแดง ผื่นแพ้ หน้าบาง และทำให้ผิวติดเชื้อได้ง่าย สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นผลกระทบข้างเคียงจากการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีคุณภาพ ด้วยเหตุนี้องค์การอาหารและยาจึงเข้ามามีบทบาทในการตรวจสอบ และหากมีผู้บริโภคที่ได้รับความเดือดร้อนจากการใช้ผลิตภัณฑ์ไม่ได้มาตรฐานมาร้องเรียน ก็จะทำการตรวจสอบหาสาเหตุ และ อย. ยังได้ประกาศรายชื่อสารต้องห้ามที่ห้ามใช้เป็นส่วนประกอบในเครื่องสำอางจำนวน 4 ชนิด ดังนี้

 

 

สารปรอท (Mercury)

สารปรอทถูกกำหนดเป็นสารห้ามใช้ ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุขเรื่องกำหนดวัตถุที่ห้ามใช้เป็นส่วนผสมในการผลิตเครื่องสำอางลำดับที่ 221 ตามที่ปรากฏในราชกิจจานุเบกษา เล่ม 125 ตอนพิเศษ 80 ง ลงวันที่ 12 พฤษภาคม 2551 โดยกำหนดสารห้ามใช้คือ ปรอทและสารประกอบของปรอท ซึ่งกลไกของสารปรอทนั้นหากสรุปง่ายๆ คือทำงานโดยเข้าไปยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ที่ชื่อไทโรซิเนส (Tyrosinase) ทำให้การสร้างเม็ดสีเมลานิน (Melanin) ลดลง สีผิวจึงขาวขึ้น และสารปรอทยังมีฤทธิ์ฆ่าเชื้อแบคทีเรียชนิด Staphylococcus จึงพบสารปรอทได้เยอะในผลิตภัณฑ์ป้องกันสิวด้วย

 

อันตรายจากผลข้างเคียงของสารปรอท
ทำให้ผิวหนังเกิดการแพ้ ผื่นแดง ผิวหน้าดำ บางคนกลายเป็นฝ้าถาวร และผิวบางลงด้วย ยิ่งใช้นาน สารปรอทยิ่งสะสมพิษในผิวหนังมากขึ้น และเป็นสารที่ดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือด ทำให้เกิดโรคโลหิตจาง ตับอักเสบ ไตอักเสบ ทางเดินปัสสาวะอักเสบ

ส่วนในสตรีมีครรภ์นั้น สารปรอทจะดูดซึมเข้าร่างกายและไปสู่ทารก ส่งผลให้เด็กมีสมองพิการและปัญญาอ่อนได้

 

 

สารไฮโดรควิโนน (Hydroquinone)

อีกหนึ่งสารห้ามใช้ในเครื่องสำอางคือ ไฮโดรควิโนน นี่คือสารที่ออกฤทธิ์โดยไปยับยั้งกระบวนการทางเคมีของเซลล์สร้างเม็ดสีเหมือนกับวิธีของสารปรอท ส่งผลให้ปริมาณเม็ดสีลดลง ผิวจึงขาวขึ้น สารนี้พบบ่อยในครีมประเภทยารักษาปัญหาฝ้า กระ จุดด่างดำ โดยทั่วไปไฮโดรควิโนนจัดเป็นยาทาภายนอกใช้เพื่อการรักษาเท่านั้น

ถูกห้ามใส่ในผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางที่วางจำหน่ายทั่วไป (อย. กำหนดให้ผสมสารไฮโดรควิโนนในการรักษาฝ้าได้ไม่เกิน 2%)

 

อันตรายจากผลข้างเคียงของสารไฮโดรควิโนน

ส่งผลให้เกิดอาการแสบร้อน เป็นตุ่มแดง หากใช้อย่างต่อเนื่องเป็นเวลานาน จะทำให้เป็นฝ้าถาวร แถมยังเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งผิวหนังได้ ผู้ที่ได้รับยานี้เกินขนาดยาจะดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดและไปกระตุ้นให้ร่างกายมีอาการสั่น หรือเกิดลมชัก หรือแพ้ยาได้

 

 

สเตียรอยด์ (Steroid)

สารสเตียรอยด์ น่าจะเป็นสารที่คนได้ยินบ่อยที่สุด เพราะเป็นสารที่ออกฤทธิ์ทำให้ผิวหน้าขาว ที่เป็นสารต้องห้ามในเครื่องสำอาง เพราะมักใช้เป็นสูตรผสมกับยาตัวอื่น เช่น เอาไปผสมกับไฮโดรควิโนนหรือเรตินอยด์ ใช้รักษาฝ้า กระ จุดด่างดำ

 

อันตรายจากผลข้างเคียงของสเตียรอยด์

หากใช้ในปริมาณมากเกินมาตรฐาน หรือนำไปใช้ผิดวิธี และใช้เป็นระยะเวลานานต่อเนื่อง สเตียรอยด์จะส่งผลข้างเคียงทั้งภายนอกและภายในร่างกาย เช่น ผิวหนังเสพติดจนเกิดอาการแดงเป็นผดผื่น ผิวหน้าบาง มลพิษต่างๆ จากภายนอกจะเข้าสู่ชั้นผิวหนังแท้ได้ง่ายขึ้น คนที่แพ้หรือผิวบางมากๆ จะเห็นเส้นเลือดแดงตามใบหน้าได้อย่างชัดเจน

 

 

กรดเรทิโนอิก (Retinoic Acid)
กลไกการออกฤทธิ์คือกระตุ้นการแบ่งเซลล์และเร่งการผลัดเซลล์ผิวในชั้นอิพิทีเรียล (Epitherial) ลดการเคลื่อนย้ายเม็ดสีมาที่เซลล์ผิวหนัง และยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ไทโรซิเนสที่ใช้สร้างเม็ดสี มีคุณสมบัติป้องกันการสร้างสิวอุดตัน

 

อันตรายจากผลข้างเคียงจากกรดเรทิโนอิก
ผลข้างเคียงทำให้เกิดการระคายเคืองผิวหนัง ผิวหน้าลอก อักเสบ แพ้แสงแดดง่ายกว่าปกติ เกิดภาวะผิวด่างขาวหรือผิวคล้ำได้ชั่วคราว และอาจเป็นอันตรายต่อทารกในครรภ์

รู้ถึงโทษอันตรายของ 4 สารอันตรายแล้ว ก่อนจะซื้อผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง ควรพิจารณาเลือกซื้อจากแหล่งจำหน่ายที่น่าเชื่อถือ แม้ตอนนี้การสังเกตแค่ฉลากบนบรรจุภัณฑ์อาจทำได้ยากกว่าเดิม เพราะยังมีการปลอมแปลงฉลากอาหารและยาเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้แค่เห็นฉลาก ก็ไม่อาจมั่นใจได้ว่าเป็นของจริงหรือไม่ เราจึงแนะนำให้ตรวจสอบชื่อและชนิดของผลิตภัณฑ์ รวมถึงเลขที่ใบรับแจ้ง ซึ่งจะเป็นเลข 10 หลัก โดยเช็กได้ทางเว็บไซต์ของ อย. ได้ที่ porta.fda.moph.go.th หรือหากมีเรื่องร้องเรียน สามารถส่งอีเมลไปที่ [email protected]  หรือส่งจดหมายไปที่ ตู้ ปณ.1556 ปณฝ. กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบรี 11004

 

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising
X