×

รมว.คลังคนใหม่ ชู 3 นโยบายเร่งด่วนฟื้นเศรษฐกิจ ยืนยันคลังไม่ถังแตก

โดย efinanceThai
17.08.2020
  • LOADING...

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังคนใหม่ ชู 3 นโยบายเร่งด่วน ดูแลค่าครองชีพ-อุ้ม SME-กระตุ้นท่องเที่ยว ชี้ต้องวางรากฐานเศรษฐกิจใหม่ หลังโควิด-19 มองระยะสั้นยังมีความท้าทาย 3 ด้าน พร้อมย้ำดำเนินนโยบายการคลังแบบขยายตัว ควบคู่รักษาวินัยการคลัง ยืนยันคลังไม่ถังแตก 

 

ปรีดี ดาวฉาย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยกับสื่อมวลชนหลังจากเข้ารับตำแหน่งในวันแรกว่า กระทรวงการคลังคาดว่าเศรษฐกิจไทยในปี 2564 จะฟื้นตัวแบบค่อยเป็นค่อยไป โดยเศรษฐกิจไทยในระยะสั้นยังมีความท้าทายประกอบด้วย 3 ด้านคือ 1. เศรษฐกิจหดตัว 2. ว่างงานเพิ่ม 3. เม็ดเงินมีจำกัด

   

สำหรับด้านแรก เศรษฐกิจหดตัว โดยไตรมาส 2/63 เศรษฐกิจหดตัวมากที่สุดจากจำนวนนักท่องเที่ยวลดลง การใช้จ่ายลดลง เศรษฐกิจประเทศคู่ค้าชะลอตัวกระทบกับการส่งออก ขณะที่ครึ่งปีหลังทิศทางเศรษฐกิจและปริมาณการค้าโลกคาดว่าจะปรับตัวดีขึ้น

   

ด้านที่สอง อัตราการว่างงานเพิ่มขึ้น โดยจากข้อมูลสำนักงานสถิติแห่งชาติ ณ เดือนมิถุนายนที่ผ่านมาพบว่า อัตราการว่างงานปรับเพิ่มขึ้นเป็น 745,000 คน หรือ 2% ของกำลังแรงงาน มีแรงงานมากกว่า 2 ล้านคนที่ไม่ได้รับเงินเดือน แต่มีงานรอที่จะกลับไปทำ

   

ด้านที่สามคือ เม็ดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจมีจำกัด โดยเม็ดเงินงบประมาณรายจ่าย พ.ร.บ.โอนงบประมาณฯ และ พ.ร.ก. เงินกู้ 1 ล้านล้านบาท ใช้ในการเยียวยาและฟื้นฟูเศรษฐกิจไปแล้ว และในช่วงที่เหลือมีเม็ดเงินงบประมาณที่จำกัด การกระตุ้นเศรษฐกิจต้องมีความคุ้มค่า

   

สำหรับนโยบายเร่งด่วน ประกอบด้วย 1. แก้ไขปัญหาค่าครองชีพ รวมถึงการจ้างงานให้กับประชาชนในกลุ่มต่างๆ โดยเฉพาะผู้มีรายได้น้อย

 

  1. การแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจที่ฝืดเคือง ผู้ประกอบการรายเล็กสายป่านสั้น โดยจะเข้าไปเสริมสภาพคล่อง ปรับโครงสร้างหนี้ให้กับทั้งผู้ประกอบการ SME และผู้ประกอบการรายเล็ก โดยคาดว่ามาตรการในการช่วยเหลือนั้นจะมีความชัดเจนภายใน 2-3 วันนี้

   

  1. กระตุ้นการท่องเที่ยว การบริโภค ถือเป็นนโยบายเร่งด่วนอีกด้านที่ต้องเร่งดำเนินการ เนื่องจากปัจจุบันไม่มีนักท่องเที่ยว ไม่มีการเดินทาง และการจับจ่ายใช้สอยลดลง ดังนั้นจึงจำเป็นที่จะต้องเร่งกระตุ้นทั้งด้านการท่องเที่ยวและการบริโภค

   

“จะดูแลประชาชนให้มีกิน ผมก็ยังตอบไม่ได้ว่าปัญหาโควิด-19 เฟส 2 จะมีในไทยไหม แต่ด้วยความหวังว่าที่ทุกคนร่วมกัน ประชาชนสำคัญที่สุด หวังว่าจะมี และเราก็มองว่าปัญหาก็จะแก้ง่ายขึ้น แต่หากมีเฟส 2 ทุกอย่างจะยากมากขึ้น” ปรีดีกล่าว

 

ปรีดีกล่าวว่า สำหรับทิศทางนโยบายเศรษฐกิจในระยะต่อไปนั้น จะต้องวางรากฐานเศรษฐกิจใหม่หลังโควิด-19 โดยเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขัน โดยให้มีการเติบโตที่ลดความเหลื่อมล้ำ รวมถึงการดำเนินนโยบายการคลังแบบขยายตัว ควบคู่กับรักษาระดับหนี้สาธารณะให้อยู่ภายใต้กรอบวินัยการเงินการคลังที่ 60% ต่อ GDP เร่งรัดการใช้จ่ายภาครัฐโดยเฉพาะรายจ่ายลงทุน

   

นอกจากนี้จะต้องเร่งเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดเก็บรายได้ โดยใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีใหม่ๆ ปรับปรุงกฎหมายและโครงสร้างภาษีให้เป็นธรรม พัฒนากลไกการรักษาเสถียรภาพระบบสถาบันการเงิน และกำกับดูแลสถาบันเฉพาะกิจของรัฐให้ดำเนินการตามพันธกิจท่ามกลางปัจจัยท้าทาย

 

ปรีดีกล่าวว่า ส่วนที่มีกระแสวิพากวิจารณ์กันว่ากระทรวงการคลังถังแตกนั้น ยืนยันว่า ไม่ได้เป็นแบบนั้น และไทยไม่เคยถังแตก และเป็นไปตามปกติที่จะมีรายรับและรายจ่ายเข้ามาเหลื่อมระยะเวลากัน ซึ่งอาจจะทำให้มีเงินเพิ่มและลดเป็นบางช่วงเวลาได้ ดังนั้นจึงถือเป็นเรื่องปกติ ไม่ได้มีปัญหาแต่อย่างใด 

 

รายงาน: ภัทราภรณ์ เกียรตินันท์ 

เรียบเรียง: สุรเมธี มณีสุโข 

ติดตามข่าวสารการลงทุนเพิ่มเติมได้ที่: www.efinancethai.com   

 

 

พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising