×

คกก. วัตถุอันตราย มีมติเลื่อนแบน ‘พาราควอต-คลอร์ไพริฟอส’ เป็นวันที่ 1 มิ.ย. 2563 ส่วนไกลโฟเซตจำกัดการใช้

27.11.2019
  • LOADING...
สารเคมีทางการเกษตร

วันนี้ (27 พฤศจิกายน) ที่ประชุมคณะกรรมการวัตถุอันตราย มีการเปิดเผยผลโหวตประเด็นการเลื่อนแบน 3 สารเคมีทางการเกษตร ประกอบด้วย พาราควอต คลอร์ไพริฟอส และไกลโฟเซต 

 

หลังจากปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะประธานคณะทำงานพิจารณาแนวทางช่วยเหลือเกษตรกรผู้ได้รับผลกระทบจากการยกเลิกใช้สารเคมี 3 ชนิด ออกมาจี้ให้คณะกรรมการวัตถุอันตรายทบทวนการแบนอีกครั้ง เพราะมองว่ามติแบนภายใน 1 ธันวาคม 2562 นั้นเป็นสิ่งที่กระทบต่อเกษตรกรจำนวนมาก เนื่องจากเวลาที่กระชั้นชิด ผนวกกับการที่ ณ เวลานี้ยังไม่มีสารทดแทนได้ อีกทั้งยังพบว่าสารทั้ง 3 ชนิดยังมีอยู่คลังราว 30,000 ตัน

 

ซึ่งผลปรากฏว่าที่ประชุมมีมติเห็นชอบในคำทบทวนครั้งใหม่ว่าให้เลื่อนแบน 2 จาก 3 สารเคมีทางการเกษตรอย่าง พาราควอต คลอร์ไพริฟอส เป็นวัตถุอันตรายชนิดที่ 4 ขยับออกไปอีก 6 เดือน จากเดิมคือวันที่ 1 ธันวาคม 2562 โดยมีกำหนดบังคับใช้ใหม่ในวันที่ 1 มิถุนายน 2563 

 

พร้อมมอบหน้าที่ให้กรมวิชาการเกษตรและกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ดำเนินการหาสารทดแทน รวมถึงจัดการระบายสารที่อยู่ในสต๊อกจำนวน 23,000 ตัน​ ในกรอบวันดังกล่าว ขณะที่สารอีกชนิดอย่างไกลโฟเซตจะไม่ถูกแบน แต่จะถูกจำกัดการใช้งานแทน

 

อย่างไรก็ตาม ทันทีที่มติออกมาเป็นผลดังกล่าว เครือข่ายสนับสนุนการแบน 686 องค์กรออกมา แถลงแสดงความผิดหวังกับมติของคณะกรรมการวัตถุอันตราย โดยระบุว่า 

 

การตัดสินใจซึ่งมาจากการผลักดันและสนับสนุนโดย สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม และ เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นการตัดสินใจที่เอื้อประโยชน์ต่อบริษัทสารพิษกำจัดศัตรูพืช โดยผลักภาระความเสี่ยงแก่ประชาชนทั้งประเทศ เกษตร และผู้บริโภค โดยเฉพาะอย่างยิ่งการอนุญาตให้ใช้สารไกลโฟเซต ซึ่งสถาบันวิจัยมะเร็งนานาชาติระบุว่าเป็นสารน่าจะก่อมะเร็ง และศาลสหรัฐฯ ตัดสินให้บริษัท มอนซานโต้-ไบเออร์ ต้องเยียวยาและชดใช้แก่เกษตรกรเป็นจำนวนเงินมหาศาล

 

การยืดเวลาการแบนพาราควอตและคลอร์ไพริฟอสต่อไป เป็นการเอื้อเฟื้อบริษัทสารพิษให้ไม่ต้องรับผิดชอบสต๊อกสินค้าทั้งๆ ที่พวกเขานำเข้ามาเพื่อเก็งกำไรจำนวนมหาศาลก่อนหน้านี้ โดยปล่อยช่วงเวลาอีก 6 เดือนเพื่อจำหน่ายต่อเกษตรกร ทั้งๆ ที่รู้ว่าเป็นสารที่มีผลต่อสุขภาพทั้งของเกษตรกร ผู้บริโภค และเด็กๆ ของเรา

 

รัฐมนตรีและพรรคการเมืองที่เกี่ยวข้องในการตัดสินใจนี้ ต้องเป็นผู้ชี้แจงเหตุผลการตัดสินใจนี้ และประชาชนส่วนใหญ่ทั้งประเทศที่สนับสนุนการแบนสารพิษร้ายแรงเป็นผู้ตัดสินใจอนาคตทางการเมืองของพวกเขา

 

เครือข่ายสนับสนุนการแบนสารพิษร้ายแรงจะเดินหน้าขับเคลื่อนให้มีการยกเลิกการใช้ไกลโฟเซตและสารพิษร้ายแรงอื่นๆ ต่อไป และจะแถลงมาตรการและแนวทางในการขับเคลื่อนเรื่องนี้โดยเร็ว

 

ขณะเดียวกัน กลุ่มต่อต้านการแบน 3 สารเคมีทางการเกษตร นำโดย อัญชุลี ลักษณ์อำนวยพร ประธานเครือข่ายอาสาคนรักแม่กลอง ให้สัมภาษณ์กับ THE STANDARD สั้นๆ ว่า ทางกลุ่มยอมรับคำตัดสินจากคณะกรรมการวัตถุอันตรายมาโดยตลอด ตั้งแต่การเผยมติครั้งก่อนจนถึงวันนี้ โดยหลังจากนี้จะทำการประชุมหารือในกลุ่มเพื่อสรุปและหาแนวทางต่อไป ทำให้ยังไม่สามารถให้ข้อมูลเพิ่มเติมได้ในเวลานี้

 

หลังจากนี้ประเด็นการแบนสารเคมีทางการเกษตรยังคงเป็นสิ่งที่ต้องจับตากันต่อไปว่า กลุ่มผู้ต่อต้านการแบนหรือเกษตรกรผู้ไม่เห็นด้วย จะเดินหน้าไปกับแนวทางใดต่อไปหลังจากนี้ พร้อมกับท่าทีของกลุ่มผู้สนับสนุนการแบน ซึ่งนำโดย มนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และ อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ที่เป็นตัวตั้งตัวตีมาตลอดว่าต้องการให้มีการแบนทั้ง 3 สาร ภายในกรอบมติเดิมนั่นคือวันที่ 1 ธันวาคม 2562 จะมีท่าทีต่อผลมติใหม่ครั้งนี้ต่อไปอย่างไร

 

พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising