วันนี้ (24 มกราคม) ที่อาคารกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ถนนแจ้งวัฒนะ พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงความคืบหน้าคดีทุนจีนสีเทาในส่วนที่พบว่ามีตำรวจเข้าไปเกี่ยวข้องในขบวนการ ว่าขณะนี้การสอบปากคำเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง จำนวน 80 ราย ตนได้รับข้อมูลแล้ว เหลือเพียงการสอบปากคำในบางประเด็นเท่านั้น
โดยในวันจันทร์ที่ 30 มกราคมนี้ จะประชุมอีกครั้งเพื่อดูเรื่องความครบถ้วนของประเด็น หากประเด็นครบถ้วนก็จะแจ้งข้อหา อย่างไรก็ตาม ข้อมูลระหว่างที่ตนมีและที่จเรตำรวจมีค่อนข้างมีความสอดคล้องกัน การดำเนินคดีทางอาญาและการดำเนินการตรวจสอบทางวินัยจะดำเนินการคู่ขนานกัน
พล.ต.อ. สุรเชษฐ์กล่าวต่อไปว่า กรณีของตำรวจยศนายพล 3 นายที่เป็นเพื่อนร่วมรุ่น ได้ตรวจสอบแล้ว อย่างไรก็ตาม จะมีการแจ้งข้อหาความผิดทางอาญามาตรา 157 และ 149 ทั้งนี้ เมื่อดำเนินคดีแจ้งข้อหาแล้ว จะส่งสำนวนไปยังคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) จากนั้นก็จะนำสำนวนสั่งฟ้องต่ออัยการ
กรณีที่ ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ระบุถึงพฤติกรรมของผู้ต้องหาในคดี ชัยณัฐร์ กรณ์ชายานันท์ หรือ ตู้ห่าว หลังได้รับการประกันตัวชั่วคราว คุกคาม ข่มขู่พยานให้เกิดความกลัวว่า ตนเพิ่งทราบเรื่อง หากพบว่าบุคคลที่ได้รับการประกันตัวชั่วคราวมีพฤติกรรมข่มขู่คุกคามพยานในคดีจริง พนักงานสอบสวนก็จะต้องพิจารณาการกระทำเหล่านั้นว่าทำให้เกิดความเสียหายต่อรูปคดีมากน้อยเพียงใด จากนั้นพนักงานสอบสวนจะสามารถขออำนาจศาลเพื่อร้องขอให้เพิกถอนการประกันตัวชั่วคราวของผู้ต้องหาได้ และทางราชทัณฑ์ก็จะได้ควบคุมตัวกลับเข้าเรือนจำ
สำหรับการแจ้งข้อหาอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.อ. สุรเชษฐ์กล่าวว่า ในส่วนนี้จะเป็นการดำเนินการของกองบัญชาการตำรวจนครบาล โดย พล.ต.ท. ธิติ แสงสว่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) จะต้องไปสอบสวนร่วมกับอัยการสูงสุด ทั้งนี้ ตนยืนยันว่าผู้ต้องหาที่ได้รับการประกันตัวชั่วคราวนั้นยังอยู่ในประเทศ และใช้สิทธิต่อสู้คดี