วันนี้ (3 เมษายน) ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ครั้งที่ 29 สมัยสามัญประจำปีครั้งที่ 2 ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส. แบบบัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ได้ลุกขึ้นเสนอญัตติด่วนด้วยวาจาเรื่องขอให้สภาฯ พิจารณามาตรการในการจัดการผลกระทบจากเหตุแผ่นดินไหวอย่างเป็นระบบ เพื่อส่งต่อให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) ดำเนินการต่อ
ก่อนที่ อนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด สส. แบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ได้ลุกขึ้นเสนอญัตติเปลี่ยนระเบียบวาระการประชุม โดยขอนำเรื่องร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร หรือ Entertainment Complex ที่ ครม.เป็นผู้เสนอ ตามระเบียบวาระการประชุม เรื่องด่วนที่ 15 และร่างพ.ร.บ.สร้างเสริมสังคมสันติสุข รวมถึงร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมแก่บุคคลซึ่งได้กระทำความผิดอันเนื่องมาจากเหตุการณ์ความขัดแย้งทางการเมือง โดยให้มีผลในการประชุมครั้งถัดไป
จากนั้น ชุติพงศ์ พิภพภิญโญ สส.ระยอง พรรคประชาชน ลุกขึ้นประท้วง ว่า ผู้นำฝ่ายค้านได้เสนอญัตติด่วน มีผู้รับรองถูกต้อง แต่ทางพรรคเพื่อไทยกลับมีการเสนอญัตติแทรกเข้ามา คิดว่าไม่ถูกต้อง จึงขอให้ประธานวินิจฉัย
ด้านภราดร ปริศนานันทกุล รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 2 ปฏิบัติหน้าที่ประธานการประชุมในขณะนั้น ชี้แจงว่า ตามข้อบังคับที่ 54 ญัตติแบบนี้ไม่ต้องเสนอล่วงหน้า ทั้งณัฐพงษ์และอนุสรณ์ ได้ทำตามข้อบังคับ เมื่อมี 2 ญัตติขอให้พูดคุยหารือกันก่อนได้หรือไม่ ชุติพงศ์ จึงลุกขึ้นหารือว่า ญัตติที่ 1 และ 2 เป็นคนละลักษณะกัน ซึ่งญัตติเรื่องแผ่นดินไหวทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านให้ความสนใจ คำถามคือทำไมต้องมีความพยายามเร่งรัดเอาเรื่องเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ขึ้นมา ฉะนั้น จะเป็นการเสนอญัตติซ้อนญัตติหรือไม่ ประธานอาจจะต้องวินิจฉัย หากวินิจฉัยว่าเป็นการเสนอญัตติโดยชอบแล้วจะพิจารณาอย่างไร
ทำให้ สส.จากฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาล ต่างลุกขึ้นมาถกเถียงเรื่องญัตติทั้ง 2 โดยฝ่ายค้านยืนยันว่าจะให้มีการพิจารณาญัตติเรื่องแผ่นดินไหวก่อน ขณะที่ฝ่ายรัฐบาล เช่น นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว สส.น่าน พรรคเพื่อไทย เสนอให้ที่ประชุมลงมติเพื่อตัดสินว่าควรพิจารณาญัตติใดก่อน กระทั่งภราดรขอให้พักการประชุมเพื่อให้ทั้งสองฝ่ายตกลงกัน
ภายหลังพักประชุมไปกว่าครึ่งชั่วโมง เวลา 14.45 น. ได้เปิดการประชุมอีก โดยมี วันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาฯ สับเปลี่ยนขึ้นทำหน้าที่ประธานในการประชุม
ในช่วงหนึ่ง ปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล สส. แบบบัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าวว่า หากที่ประชุมลงมติ คิดว่าจะมีผลประหลาด ถ้าให้ลงมติ ยังหาไม่เจอว่าประธานจะให้ขอให้ลงมติตามข้อบังคับข้อไหน และถ้าการลงมติในลักษณะนี้ หากไม่ได้มี 2 ญัตติ จะลงมติกันอย่างไร ที่เหลือจะต้องตกไปเลยหรือไม่ จึงอยากให้อนุสรณ์ถอนญัตติก่อน แล้วถามก่อนว่าจะมีใครเห็นเป็นอื่นกับญัตติของผู้นำฝ่ายค้านหรือไม่ แล้วจะเสนอญัตติอะไรขึ้นมาก็ว่ากันต่อ
วันมูหะมัดนอร์ จึงกล่าวว่า เป็นความเห็นไม่ตรงกัน ตนเองก็วินิจฉัยไม่ได้ เพราะไม่ให้อำนาจประธานสภาวินิจฉัย ในที่สุดก็ต้องโยนไปที่ประชุมสภา ว่าจะเอาอย่างไร ข้อบังคับมันไม่ได้เขียนไว้ชัดเจนขนาดนั้น
ทั้งนี้ ระหว่างการประชุม วันมูหะมัดนอร์พยายามย้ำว่าประธานไม่มีอำนาจในการวินิจฉัย ทุกฝ่ายก็มีเหตุผล มันอยู่ที่เป้าหมายว่าเราจะไปถึงกันอย่างไร เมื่ออย่างนี้ ตนต้องขอว่าขอให้ที่ประชุมพิจารณาว่าจะพิจารณาญัตติของผู้นำฝ่ายค้านขึ้นมาพิจารณาก่อนหรือจะให้ญัตติของนายอนุสรณ์ขึ้นมาพิจารณาก่อน
อย่างไรก็ตาม ยังมีการประท้วงขึ้นอีกหลายครั้งระหว่าง สส.ฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน จนกระทั่งปกรณ์วุฒิลุกขึ้นประท้วงประธาน วันมูหะมัดนอร์จึงตอบโต้ทันทีว่า “จะประท้วงเรื่องอะไร ผมทำผิดข้อบังคับข้อไหน บอกเลย”
ปกรณ์วุฒิจึงกล่าวว่าประธานให้สิทธิ์ฝั่งรัฐบาล 2-3 คน ก่อนที่จะมาถึงฝ่ายค้าน 1 คน ก่อนที่ รังสิมันต์ โรม สส. แบบบัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคประชาชน จะลุกประท้วงบ้าง แต่วันมูหะมัดนอร์ไม่อนุญาต เพราะซ้ำประเด็นเดิม ก่อนจะยืนขึ้น และขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสภาเข้ามาในห้องประชุม
“บ้านเมืองเราอยู่โดยไม่มีกฎเกณฑ์ อะไรเอาดั่งใจมันไม่ได้ ต้องถอยคนละก้าว เจ้าหน้าที่เข้ามาครับ อะไรกัน ขอความกรุณานั่งลง ลงมติก็ได้ทั้งคู่” วันมูหะมัดนอร์กล่าว ก่อนจะนั่งลงและควบคุมการประชุมต่อ
รังสิมันต์ลุกประท้วงว่า ประธานให้สิทธิ์รัฐบาลมากกว่า สิ่งที่เกิดขึ้นนำมาสู่การลงมติทันที พริษฐ์ วัชรสินธุ สส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน จึงพยายามทบทวน เรื่องนี้ท่านประธานก็ทวนตามอำนาจที่ใช้ เราก็สามารถรักษาความสงบเรียบร้อยลงได้ เราพยายามใจเย็น บางครั้งไม่ต้องใช้ข้อกล่าวหาที่รุนแรงกับพวกเรา เราพยายามรักษากติกา วันนี้มันมีบางฝ่ายที่รอไม่ได้แค่นี้เอง
จากนั้นเวลา 16.21 น. ที่ประชุมลงมติว่าจะเห็นด้วยกับการนำญัตติแผ่นดินไหวมาพิจารณาก่อนหรือไม่ ผลการลงมติ ที่ประชุมลงคะแนนเสียง เห็นด้วย 144 เสียง ไม่เห็นด้วย 252 เสียง งดออกเสียง 2 เสียง ไม่ลงคะแนน 3 เสียง ถือว่าควรจะนำญัตติของอนุสรณ์ คือเปลี่ยนวาระขึ้นมาพิจารณาก่อน แล้วจะนำญัตติแผ่นดินไหวของณัฐพงษ์ ขึ้นมาพิจารณาตาม โดยเวลาที่ใช้หาข้อยุติได้กว่า 3 ชั่วโมง
