ก้าวเข้าไปในร้าน gloc ครั้งแรกก็สัมผัสได้ถึงดีไซน์ที่หลากหลายแต่ลงตัว ด้วยสีสันสดใสที่ทำให้ร้านมัลติสโตร์แห่งนี้ดูเป็นกันเองอย่างไม่น่าเชื่อ โดยทางร้านได้จัดแยกสินค้าที่มีดีไซน์ใกล้กันเอาไว้เป็นหมวดหมู่ เพื่อง่ายต่อสไตล์ที่จะค้นหา นอกจากนี้ยังมีเครื่องประดับ และอุปกรณ์แต่งบ้านชิ้นเล็กชิ้นน้อยให้ได้เลือกติดไม้ติดมือกลับบ้านกันได้ง่ายๆ สบายกระเป๋า

     THE STANDARD ขอจับเข่าคุยกับเหล่าดีไซเนอร์ทั้ง จูนจูน-พัชชา พูนพิริยะ, เค้ก-อภิพรรณ มงคลพาณิชยกิจ, ปั๊ม-นิธิศ วงศ์สวัสดิ์ และ ดี-ปรีดี เฮงษฎีกุล ที่เนรมิตร้านนี้ขึ้นมาว่าน่าจะกลายเป็นไฮไลต์แห่งใหม่ให้ซอยอารีย์คึกคักกว่าเดิม

จุดเริ่มต้นที่มารวมตัว และเปิดร้าน gloc ขึ้นมา
     เค้ก: จริงๆ แล้วเค้กทำร้านเสื้อผ้ากับจูนจูนมาก่อนชื่อว่า J.C.CO พอทำมาได้จุดหนึ่ง เราก็อยากมีหน้าร้าน แต่อีกใจก็มีความคิดว่าอยากเปิดเป็นมัลติแบรนด์สโตร์ด้วย ก็เลยมาคุยกับเพื่อนคนอื่นๆ ซึ่งก็คือ ปั๊มกับปรีดี

     จูนจูน: จูนกับเค้กโตมาพร้อมกัน ในสังคมแบบเดียวกัน หมายถึงเป็นเด็กศิลปกรรม เรารู้เลยว่าจุดอ่อนคืออะไร เราครีเอทีฟจริง adabtable จริง แต่เราไม่สามารถจัดการเรื่องของธุรกิจได้ เลยต้องมีคนอื่นมาเติมเต็ม จูนกับเค้กจบแฟชั่น ส่วนปั๊มจบเซรามิก และปรีดีจบสถาปัตย์ ทำให้พวกเรามีศาสตร์ 3 อย่าง อย่างปรีดีกับปั๊มจะดูแลเรื่องการตกแต่งร้าน และดูเรื่องบัญชีด้วย ส่วนจูนกับเค้กก็จะหาเสื้อผ้าและดูแลเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ในร้าน

ทำไมต้อง gloc แล้วอ่านออกเสียงยังไงนะ
     จูนจูน: เราหาชื่อร้านกันมานานทีเดียว เลยทำให้เราต้องประชุม ต้องเคาะชื่อร้านด้วยการให้ทุกคนพูดคำอะไรก็ได้ออกมาเรื่อยๆ เราอยากได้ชื่อที่สั้น แคชชี่ เขียนสวย เอาไปทำโลโก้สวย แล้วก็ได้คำว่า ‘กล็อก’ (gloc) ที่มาจากปืน Glock
     ปั๊ม: คำนี้มันเชื่อมโยงและเอาไปเล่นได้หลายอย่าง อย่างไอจีของเราก็เล่นคำเป็น @glocglocgloc ซึ่งเราก็แฮปปี้ พอจูนจูนไปทำโลโก้มาก็จบเลยตั้งแต่ครั้งแรก คือเราคิดว่าตัวจีแบบนี้มันสวย มันเข้ากับร้าน และมันเป็นไทโปกราฟีที่เอาไปเล่นต่อได้เยอะจริงๆ

หลักในการเลือกของเข้าร้านเป็นอย่างไรบ้าง
     จูนจูน: หลักๆ คือเสื้อผ้า แต่เราก็พยายามจะดีไซน์ให้ gloc เป็นร้านที่เหมาะกับทั้งผู้หญิงและผู้ชาย เราเลยพยายามที่จะดึง menswear เข้ามาขายด้วย รวมถึงเฟอร์นิเจอร์ของตกแต่งบ้านที่ออกแบบและวางขายที่ร้านเราโดยเฉพาะ
     ปั๊ม: ของแต่งบ้านเป็นสิ่งที่พวกเราชอบอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นเราเลยเลือกของที่จะส่งต่อความชอบของเราไปถึงคนอื่น

     จูนจูน: อย่างลูกค้าบางคนที่อินเรื่องแจกันมาก ก็จะมาถามว่าได้มาจากไหน ปลูกต้นไม้ยังไง ซึ่งมันทำให้ร้านเราเพิ่มคาแรกเตอร์ให้ดูไม่เป็นเสื้อผ้ามัลติแบรนด์ธรรมดา ดูเป็นไลฟ์สไตล์มากขึ้น
     เค้ก: ส่วนเสื้อผ้า ตอนนี้ร้านเรามีรวมๆ แล้วราว 30 แบรนด์ ส่วนใหญ่เป็นเสื้อผ้าแบรนด์ไทยจากอินสตาแกรม คือแบรนด์ที่เราเลือกมาเป็นแบรนด์ที่เราชอบใส่กันอยู่แล้ว และก็มีเพื่อนคนอื่นๆ ชอบด้วย ราคาไม่แพง แถมสไตล์ดีอีกต่างหาก

     จูนจูน: คือนอกจากแบรนด์ไทยแล้วก็ยังมีแบรนด์ที่เราติดต่อมาจากเมืองนอกด้วย อย่างแบรนด์ชุดนอน Sleepy Jones ที่เราติดต่อขอเป็นผู้จัดจำหน่าย ซึ่งเราขายราคาเท่าในเว็บไซต์ของเมืองนอกเลย

     เค้ก: และมีแบรนด์กระเป๋าผ้าร่ม Baggu เราก็ติดต่อเอง หรือแบรนด์ glossie เป็นแบรนด์เครื่องสำอางที่กำลังฮิตอยู่ตอนนี้ และก็ยังมีแบรนด์อื่นๆ ที่เราเห็น ที่เราชอบก็จะเอามาขายกันด้วย อนาคตก็จะมีแบรนด์เสื้อผ้าผู้ชายเข้ามาอีก

     ปั๊ม: อย่างของที่เป็นงานอาร์ตต่างๆ อย่างรูปที่ปรินต์ลงแคนวาส หรืองานภาพวาด เราเองก็จะพยายามหาไปเรื่อยๆ เพราะมีเพื่อนที่ทำงานแบบนี้อยู่เยอะ เวลาใครทำอะไรใหม่ๆ น่าสนใจ เราก็จะติดต่อมาลงที่ร้าน

     จูนจูน: ตอนนี้เราเพิ่งเปิดร้านเราก็คิดว่าจะจัดยังไงให้ทุกอย่างมันเชื่อมโยงกัน เพราะมีของหลากหลาย ก็เลยเริ่มจัดร้านจากสี เพราะมันก็เหมือนการแต่งร้านไปในตัว ซึ่งเราจะเปลี่ยนราวหมุนวนไปเรื่อยๆ เพราะเราอยากให้คนที่มารู้สึกถึงบรรยากาศใหม่ๆ ทุกครั้ง

     และทั้งหมดนี้คือสิ่งที่ gloc อยากจะนำเสนอ คล้ายๆ การยกโลกออนไลน์ออกมาสู่ชีวิตจริง ได้จับต้อง ได้ลองสินค้าก่อนซื้อ และบรรยากาศก็สบายๆ เหมือนบ้านเพื่อน เพราะฉะนั้นถ้าคุณก้าวเข้าไปใน gloc ก็เหมือนได้ไปเจอเพื่อนสไตล์เดียวกัน และคงไม่ได้เดินกลับออกมามือเปล่า