หากผมเอ่ยชื่อ ‘SUNTUR’ (ซันเต๋อ) แล้วถามคุณว่ารู้จักชื่อนี้ไหม คุณอาจจะต้องนั่งงง เพราะคิดว่าอาจจะเป็นชื่อจริงๆ ของเต๋อ ฉันทวิชช์ หรือเต๋อ นวพล หรือเปล่า แต่ถ้าเราพูดถึงคนชื่อ ‘เต๋อ’ ให้แคบลงมาอีกหน่อยในวงการศิลปินไทย เต๋อคือบุรุษผู้วาดภาพประกอบได้โดดเด่นคนหนึ่ง นอกจากจะมีลายเส้น เรื่องราว ฝีมือ และคาแรกเตอร์ที่เป็นตัวของตัวเองมากๆ ในงานแล้ว เราคงปฏิเสธไม่ได้ว่าหนุ่มตี๋พิมพ์นิยมนี้มีดีที่ภาพลักษณ์และรูปร่างหน้าตาอยู่มากโขทีเดียว
ผมคุ้นเคยกับชื่อ ‘ซันเต๋อ’ ในฐานะรุ่นพี่ร่วมสถาบันย่านท่าช้าง สนามหลวง ผมจะจำภาพของผู้ชายยิ้มหวานคนหนึ่งที่ไม่ค่อยมีมาด พูดคุยและดริงก์เก่งผ่านทางการสนทนาและพบปะเขา คุ้นเคยกับเขาในฐานะเพื่อนของเพื่อน พี่ของเพื่อน น้องของเพื่อนผ่านไทม์ไลน์บนเฟซบุ๊ก และวันนี้เป็นโอกาสแสนดีที่ ‘พี่ซันเต๋อ’ ของผมบินกลับมาจากนิวยอร์ก หลังจากไปใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นหลายปีดีดัก และความพิเศษคือเขากลับมาพร้อมผลงานใหม่กว่า 30 ชิ้น หอบสิ่งที่เขาฟูมฟักและประคบประหงมประหนึ่งลูกเมียแหม่มกลับมาเพื่อเปิดนิทรรศการเดี่ยวครั้งแรกในชีวิต อันว่าด้วยความเงียบที่ชื่อ ‘Zero Decibel’
ทำไมต้องเป็นนิทรรศการที่ชื่อว่า ‘ศูนย์เดซิเบล’ ชีวิตซันเต๋อเงียบเหงาขนาดไหนกันเชียว
ไม่ได้เหงาขนาดนั้น (หัวเราะ) คือเราเริ่มวาดงานเซตนี้มาประมาณ 3-4 ชิ้น และมันพอดีกับที่ทาง Yelo House ติดต่ออยากให้มาแสดงงาน ซึ่งต้องแสดงตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว แต่เราเองทำไม่ทัน เลยขอเลื่อนมาช่วงนี้แทน และจริงๆ แล้วก็ไม่ได้เหงานะ ใช้ชีวิตปกติ แต่ที่ใช้ชื่อว่า Zero Decibel มันเกิดจากงานที่เราวาดชิ้นหนึ่งเป็นรูปแมวเดินอยู่ในห้อง แล้วพอวาดเสร็จเราก็นั่งมองงานเราอยู่อย่างนั้น นั่งอยู่ประมาณครึ่งชั่วโมง
ไม่เหงาจริงๆ ใช่ไหม เพราะคุณถึงขนาดนั่งคุยกับงานตัวเองแล้ว
ไม่เหงาจริงๆ แต่มันก็เป็นครั้งแรกที่เรานั่งคุยกับงานตัวเองเหมือนกันนะ เพราะปกติเราแทบไม่เคยจะมีเวลามามองมันอย่างจริงจัง เราก็เลยนั่งมองและวิเคราะห์ว่างานเรามันเป็นอย่างไร สรุปได้ว่า ถ้างานของเราเป็นคนก็คงเป็นคนที่เงียบ ดูนิ่ง ไม่อยากจะพูดอะไร ไม่ชอบพูดตรงๆ อาจจะขี้เหงาบ้างบางที แต่เราคิดว่าเอาคำว่า ‘เงียบ’ มาเป็นแกนหลักดีกว่า มันอธิบายได้ดีที่สุด
เพื่อนรอบตัวและผู้ชมส่วนหนึ่งที่ได้ชมงานนี้ก่อนเขารู้สึกอย่างไรเมื่อได้ชมงาน เพราะผมเองก็รู้สึกว่างานของคุณนั้นดูเงียบเหงามากจริงๆ
เรารู้สึกไม่ได้รู้สึกว่างานตัวเองเหงา แต่ทุกคนที่ดูจะบอกว่าเหงา (หัวเราะ) จริงๆ เรามีรูปที่ผ่อนคลาย แต่พอมันยึดมาจากคำว่าเงียบ เราเลยตั้งใจวาดให้มันเข้ากับโจทย์ที่เราตั้งขึ้นมา
เหมือนว่างานของคุณค่อนข้างโตขึ้นมาก จากเทคนิคและลายเส้นแบบใหม่ที่แฟนๆ อาจไม่คุ้นเคยว่าเป็นงานของซันเต๋อ
จริงๆ เพราะเราโตขึ้นด้วยแหละครับ ส่วนหนึ่งนะ แต่ถ้าถามว่าเปลี่ยนแปลงไปมากแค่ไหน เราว่าเราอยากทำอะไรสักอย่างให้คนเห็นอีกแง่มุมหนึ่งว่าเราไม่ได้ทำได้แค่วาดรูปแบ๊วๆ วาดภาพสีน้ำ มีตัวการ์ตูนเท่านั้น เราใช้เทคนิคใหม่ๆ อย่างสีอะคริลิก เปลี่ยนจากกระดาษมาวาดลงบนแคนวาส สร้างงานใหม่ๆ และมันคืองานใหม่ที่เราชอบที่สุดในชีวิตเลยนะ
อาจเป็นเพราะคุณเริ่มเบื่อกับแนวทางเก่าๆ ของตัวเองหรือเปล่า
หลังๆ มาเราลองวาดงานรูปแบบใหม่นี้ไปขายลูกค้า ปรากฏว่ามันขายไม่ผ่าน เขาบอกว่ามันไม่ใช่ซันเต๋อ พูดตรงๆ ว่าเราไม่ได้รังเกียจงานเหล่านั้น แต่เรารู้สึกโตขึ้น มันเหมือนมีเสื้อผ้าที่ซื้อมา 2-3 ปีที่แล้ว ใส่บ่อยแล้ว เราก็ไม่อยากใส่แล้ว และเราก็ไม่ได้เบื่อหรือเกลียดงานเก่าๆ เพราะมันคืองานที่ทำให้เรามีชื่อเสียง ทำให้เด็กคนหนึ่งโตขึ้นมาได้ทุกวันนี้ บางทีคนอาจมองว่าเป็นศิลปินแม่งต้องติสท์ ต้องมีแนวทางชัดเจน หรือมีอารมณ์ศิลปินอยากจะทำแต่งานแบบที่ชอบ แต่เราไม่ได้ติสท์ขนาดนั้น อาจเป็นเพราะว่าเราโตมากับโฆษณามั้ง เหมือนทำงานโฆษณามา เราจะรู้ว่างานแบบไหนจะเข้าถึงคนได้ง่าย และเราว่างานที่เราวาดขึ้นมานี้มันเข้าใจง่าย มันใหม่สำหรับเรา ม้าเป็นม้า คนเป็นคน ไม่ต้องไปตีความเยอะ เพราะเราเชื่อว่าแต่ละคนจะมองเรื่องราวในภาพไม่เหมือนกันอยู่แล้ว
อ่อนไหวกับงานของตัวเองบ้างหรือเปล่า เพราะมันอาจมีเรื่องราวบางอย่างที่ผู้ชมอาจไม่รู้สึก มีแต่คุณที่รู้สึก
อย่างบางภาพ เราไปเจอรูปถ่ายแล้วเราชอบ อย่างภาพทหารพิการอยู่กับหมาตัวหนึ่ง เราก็เอามาเล่าในแบบของเรา จริงๆ ก็รู้สึกอ่อนไหวบ้างนะ โดยเฉพาะเรื่องคนแก่หรือสัตว์เลี้ยง หรืออย่างภาพคนแก่สองคนที่เราวาดออกมาแล้วรู้สึกว่าแฮปปี้ไป เราก็วาดภาพเล็กเสริมเรื่องราวขึ้นมา อยากให้มาลองดูที่งาน แต่เอาตรงๆ เราก็ค่อนข้างรู้สึกอะไรกับงานตัวเองเหมือนกันนะ คือเราวาดเสร็จก็จะเอากลับมาบ้าน เราก็จะนั่งมองมัน ชอบก็เก็บไว้ บางภาพพังมากก็ยกให้เพื่อนหรือทิ้งไปก็มี
จากการใช้ชีวิตอยู่ที่นิวยอร์ก คุณได้แรงบันดาลใจหรือเรื่องราวใหม่ๆ ที่นำมาพัฒนาชิ้นงานของตัวเองบ้างหรือไม่
บางรูปเราได้แรงบันดาลใจมาจากเพื่อน เพื่อนไปส่งแฟนที่เลิกกันไปแล้วที่สนามบิน เขาก็กอดกันร้องไห้ เราก็เอาเรื่องนี้ขึ้นมาวาด และภาพของเราตัดทุกอย่างที่ไม่จำเป็นออกหมด อะไรที่รก อะไรที่มันไม่จำเป็นจริงๆ แล้วคอมโพสภาพแบบที่เราชอบเป็นแบบเรียบง่าย เรารู้สึกว่าความเรียบง่ายมันมีพลังมากๆ สำหรับเรา แล้วตอนที่อยู่ที่นิวยอร์ก เราเองก็ชอบไปดูงานของศิลปินท่านนั้นท่านนี้ และที่เราประทับใจที่สุดคืองานของเดวิด ฮอกนีย์ (David Hockney) เพราะเราชอบงานเขามาตั้งนานแล้ว และโชคดีที่มีงานไปจัดที่โน่นพอดี ก็เลยไปดู มันยิ่งทำให้เราอยากมีงานเป็นของตัวเองบ้าง และวันนี้ก็ได้มีงานเล็กๆ ของตัวเองจริงๆ แล้ว
Photo: Noth Thongsripong
- นิทรรศการเดี่ยวครั้งแรกของซันเต๋อ-ยศนันท์ วุฒิกรสมบัติกุล ชื่อว่า ‘Zero Decibel Solo Exhibition by SUNTUR’ จัดแสดงภาพวาดของซันเต๋อในหลากหลายแง่มุมที่ว่าด้วยความเงียบที่ Yelo House ละแวกซอยเกษมสันต์ 2 เชิงสะพานหัวช้าง เริ่มจัดแสดงตั้งแต่วันที่ 28 กุมภาพันธ์ ถึง 7 เมษายน 2561 เปิดให้เข้าชมฟรีทุกวัน (ปิดวันอังคาร)
- ภายในงานยังมีกิจกรรม ‘Walk with SUNTUR’ ที่เปิดโอกาสให้คุณทุกคนได้ร่วมเดินชมงานและพูดคุยกับศิลปินอย่างใกล้ชิด รับจำนวนจำกัดเพียง 25 คนในทุกวันเสาร์ สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.facebook.com/suntur.studio
- นอกจากนี้ซันเต๋อและ Yelo House ยังจะมอบรายได้จากรูปนี้ให้กับมูลนิธิอนุเคราะห์คนหูหนวก ในพระบรมราชินูปถัมภ์ ร่วมประมูลกันได้