หลัง ชินโซ อาเบะ ประกาศลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นอย่างกะทันหันด้วยเหตุผลด้านสุขภาพ ชื่อของ โยชิฮิเดะ ซูงะ ปรากฏตามสื่อในฐานะตัวเต็งแคนดิเดตนายกฯ คนใหม่ของพรรคลิเบอรัล เดโมเครติก (LDP) มาตลอด โดยเขาถูกวางตัวเป็นทายาททางการเมืองของอาเบะ เพื่อสืบสานงานที่คั่งค้าง โดยเฉพาะนโยบายเศรษฐกิจแบบ ‘อาเบะโนมิกส์’ ซึ่งเป็นนโยบายระดับ ‘ซิกเนเจอร์’ ของนายกฯ คนก่อน
หลายคนอาจยังไม่รู้จักว่า ‘โยชิฮิเดะ ซูงะ’ เป็นใคร มาจากไหน แต่คนที่ติดตามข่าวสารความเคลื่อนไหวของรัฐบาลญี่ปุ่นมาตลอดอาจคุ้นหน้าเขาเป็นอย่างดี เพราะด้วยตำแหน่งเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เขาทำหน้าที่เป็นโฆษกรัฐบาลเวลามีประกาศสำคัญต่างๆ และในการประกาศชื่อรัชสมัยใหม่ของญี่ปุ่นภายใต้สมเด็จพระจักรพรรดินารูฮิโตะ ซูงะคนนี้เอง ที่เป็นคนชูกรอบป้ายตัวอักษรคันจิ ‘令和’ อันเป็นการเผยชื่อรัชศกใหม่ ‘เรวะ’ อย่างเป็นทางการ
จากลูกชาวไร่สตรอว์เบอร์รี สู่บังเหียนผู้นำประเทศเศรษฐกิจใหญ่อันดับ 3 ของโลก
ซูงะเกิดเมื่อปี 1948 ในจังหวัดอาคิตะ ทางเหนือของเกาะฮอนชู เป็นบุตรของเกษตรกรสวนสตรอว์เบอร์รี เขายัายไปอยู่กรุงโตเกียวหลังจบการศึกษาระดับมัธยม ก่อนจะสำเร็จการศึกษาระดับนิติศาสตร์บัณฑิตที่มหาวิทยาลัยโฮเซในกรุงโตเกียวเมื่อปี 1973
ซูงะตัดสินใจลงเล่นการเมือง และได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากเขต 2 จังหวัดคานางาวะในปี 1996 จากนั้นเขาดำรงตำแหน่งทางการเมืองสูงขึ้นเรื่อยๆ โดยระหว่างปี 2006-2007 เขานั่งเก้าอี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกิจการภายในและการสื่อสารของญี่ปุ่น (ช่วงที่อาเบะนั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรีรอบแรกก่อนลาออกจากตำแหน่งในปี 2007 เพราะปัญหาโรคลำไส้ใหญ่อักเสบ ซึ่งเป็นโรคเดียวกับที่อาเบะตัดสินใจลาออกรอบที่ 2 ในปี 2020)
หลังอาเบะก้าวลงจากตำแหน่ง พรรค LDP ได้เลือกผู้นำคนใหม่ ซึ่งก็เป็นซูงะที่ได้คะแนนโหวตสูงสุดแบบไม่มีพลิกล็อก จากนั้นสภาผู้แทนราษฎรแห่งสภาไดเอตแห่งชาติหรือรัฐสภาญี่ปุ่น ได้ลงมติรับรองซูงะเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 99 ในวันที่ 16 กันยายน
ประสบการณ์ทำงานในรัฐบาลและความต่อเนื่องของนโยบาย คือ ‘จุดแข็ง’
ในวัย 71 ปี ซูงะจัดเป็นนักการเมืองที่มีประสบการณ์สูงไม่เป็นสองรองใคร โดยก่อนก้าวขึ้นเป็นประธานพรรค LDP เขาดำรงตำแหน่งหัวหน้าเลขาธิการคณะรัฐมนตรีในรัฐบาลของอาเบะมานาน 8 ปี (2012-2020) เป็นคนที่นำนโยบายต่างๆ ไปปฏิบัติ ซึ่งทำให้เขารู้งานบริหารบ้านเมืองเป็นอย่างดี โดยเฉพาะนโยบาย ‘อาเบะโนมิกส์’ ที่อาเบะพยายามผลักดันมาตลอด
หลายคนมองว่าข้อดีของการเลือกซูงะคือความต่อเนื่องของนโยบาย เพราะซูงะเปรียบเหมือน ‘มือขวา’ และพันธมิตรคนสำคัญของอาเบะ ซึ่งจะสร้างจุดแข็งด้านเสถียรภาพทางการเมืองภายใต้รัฐบาลของซูงะ
หากเป็นไปตามกรอบเวลาที่วางไว้ ซูงะจะดำรงตำแหน่งนายกฯ ในฐานะหัวหน้าพรรค LDP ไปจนครบวาระของอาเบะในเดือนกันยายน 2021 จากนั้นจะมีการเลือกผู้นำคนใหม่ แต่เป็นที่คาดหมายว่าซูงะจะตัดสินใจยุบสภาเพื่อจัดการเลือกตั้งใหม่ก่อนกำหนดภายในสิ้นปีนี้ เพื่อดึงคะแนนเสียงและสร้างฐานอำนาจทางการเมืองในการกรุยทางผลักดันการปฏิรูปเศรษฐกิจต่อไป
สานต่อ ‘อาเบะโนมิกส์’ กับความท้าทายในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ
การรับไม้ต่อจากอาเบะเกิดขึ้นในช่วงที่เศรษฐกิจญี่ปุ่นประสบภาวะถดถอยจากผลกระทบวิกฤตโควิด-19 ที่ฉุดดีมานด์การบริโภคและภาคการส่งออกลดฮวบอย่างหนัก โดยผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ของญี่ปุ่นหดตัวเป็นประวัติการณ์ถึง 28.1% ในไตรมาส 2 ปี 2020 ดังนั้นภารกิจสำคัญของซูงะคือการกอบกู้เศรษฐกิจให้หลุดพ้นจากภาวะถดถอย จากเดิมที่เศรษฐกิจโตช้าอยู่แล้วก่อนเกิดโรคระบาด
ซูงะรับปากว่าเขาจะสานต่อนโยบาย ‘อาเบะโนมิกส์’ ซึ่งมุ่งเน้นการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านเครื่องมือทางการคลัง เดินหน้าปฏิรูปโครงสร้างและใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลายในระยะยาว เพื่อแก้ปัญหาเงินฝืดที่ดำเนินมายาวนาน
นอกจากนี้เขายังรับปากขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ ส่งเสริมการปฏิรูปภาคการเกษตร และกระตุ้นภาคการท่องเที่ยว ซึ่งเป็นเซกเตอร์สำคัญที่ขับเคลื่อนการเติบโตของเศรษฐกิจ
ส่วนวิกฤตโรคระบาดนั้น ซูงะให้คำมั่นว่าจะขยายขอบเขตการตรวจโควิด-19 ให้กับประชาชนอย่างครอบคลุม และจัดหาวัคซีนแก่ประชาชนภายในครึ่งปีแรกของปี 2021
จุดอ่อนและโจทย์การรักษาเสียงสนับสนุนในพรรค LDP
นักวิเคราะห์บางคนมองว่า จุดอ่อนของซูงะคือการขาดประสบการณ์ด้านการทูตและการต่างประเทศ ซึ่งอาจเป็นอุปสรรคในการวางนโยบายรับมือการแผ่ขยายอิทธิพลของจีนในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ตลอดจนการรับมือมาตรการทางการค้าที่เอาแน่เอานอนไม่ได้ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งเขามักตอบโต้ประเทศที่ได้เปรียบดุลการค้าสหรัฐฯ อยู่เสมอ
ดังนั้นนโยบายต่างประเทศของซูงะจึงไม่น่าแตกต่างไปจากเดิมมากนัก โดยเขาอาจเดินตามรอยอาเบะเหมือนกับนโยบายเศรษฐกิจ โดยที่ผ่านมาญี่ปุ่นให้ความสำคัญกับการเป็นพันธมิตรกับสหรัฐฯ ในระยะยาวเป็นอันดับแรก ขณะเดียวกันก็พยายามพัฒนาความสัมพันธ์กับจีนโดยไม่ให้เกิดความตึงเครียดจนเกินไป
ด้วยเหตุนี้การสร้างความสมดุลในความสัมพันธ์กับจีนและสหรัฐฯ จึงเป็นอีกหนึ่งความท้าทายและโจทย์ยากของซูงะ
ในทางกลับกัน การที่ซูงะมีภาพลักษณ์เป็นผู้ช่วยคนสนิทของอาเบะ ประกอบกับการที่เขาประกาศจุดยืนสานต่อนโยบายหลายๆ อย่างของอาเบะนั้น ยังทำให้ซูงะดูไร้แนวทางการบริหารประเทศที่เด่นชัดตามแบบฉบับของเขาเอง โดยศาสตราจารย์โคอิจิ นากาโนะ คณบดีคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยโซเฟียในกรุงโตเกียว ให้ความเห็นกับ BBC ว่า ในช่วงที่ซูงะดำรงตำแหน่งหัวหน้าเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เขาขาดวิสัยทัศน์อย่างสิ้นเชิง
นอกจากนี้ในบทความข้อคิดเห็นของเฉินหยางที่เผยแพร่ในเว็บไซต์ข่าว CGTN ของทางการจีนยังมองด้วยว่า การเมืองภายในพรรค LDP จะเป็นอีกความท้าทายสำหรับซูงะ แม้ในปัจจุบันซูงะจะได้รับเสียงสนับสนุนจากกลุ่มสมาชิกหลักๆ ภายในพรรค แต่เสียงสนับสนุนเหล่านี้มีเงื่อนไขและขึ้นอยู่กับผลประโยชน์ ขณะที่ความเห็นของประชาชนก็เป็นเรื่องที่คาดเดาได้ยาก ดังนั้นเสียงสนับสนุนจึงมีโอกาสลดน้อยลงเมื่อผ่านไปช่วงเวลาหนึ่ง
อย่าลืมว่าซูงะมีเวลาเพียง 1 ปีในการพิสูจน์ผลงานก่อนที่จะหมดวาระดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรค (หากเขาไม่ยุบสภาและจัดการเลือกตั้งใหม่เสียก่อน) ดังนั้นในสายตาของคนทั่วไปอาจมองว่าเขาเป็นเพียงนายกฯ รักษาการ หรืออยู่ในตำแหน่งช่วงสั้นๆ ดังนั้นช่วงเวลานี้เขาจะพบกับบททดสอบทางการเมืองครั้งใหญ่ในขณะที่เขาต้องรวบรวมเสียงสนับสนุนจากพรรคต่อไป เพื่อกรุยทางสู่การเป็นผู้นำประเทศในระยะยาว
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า
อ้างอิง:
- https://www.marketwatch.com/story/new-japanese-pm-suga-is-unlikely-to-stray-far-from-abenomics-but-he-has-more-pressing-issues-2020-09-14
- https://news.cgtn.com/news/2020-09-14/Elected-president-of-LDP-Yoshihide-Suga-s-challenges-have-just-begun-TMKZ4lpd28/index.html
- https://www.bbc.com/news/world-asia-54070281?fbclid=IwAR2V4dT7BFkHqYKovptMWuMTwnmVhoPYJbRpHZjyK8Wa-ro1-eAqSHfUEis