‘ยุ้งข้าวหอม’ สาขาใหม่ในเพลินจิต มาพร้อมเมนูอาหารใต้ที่เน้นกลิ่นอายชาวจีนแห่งด้ามขวานไทย

หลังจากร้านอาหารใต้ ‘ยุ้งข้าวหอม’ ที่มีสาขาแรกอยู่ในโครงการ I’m Park Chula ได้รีแบรนด์ตัวเองใหม่ทั้งบรรยากาศและเมนูไปเมื่อช่วงเดือนเมษายนปีนี้ ด้วยการเปลี่ยนจากร้านอาหารใต้สไตล์เกาะสมุยมาเป็น ‘ร้านอาหารใต้รวม 3 วัฒนธรรมไทย-จีน-มุสลิม’ โดยมี เชฟอ้อม-สุจิรา พงษ์มอญ เชฟอาหารไทยรุ่นใหม่ผู้เคยนำทีมครัวในร้านอาหารไทยไฟน์ไดนิ่งดีกรีดาวมิชลิน มาเป็นผู้ดูแลและรังสรรค์ทุกเมนูให้ใหม่ทั้งหมด ตอนนี้ร้านก็พร้อมเปิดสาขาใหม่อีกแห่งใจกลางเมืองแล้ว เพื่อให้ทุกคนเดินทางมาชิมอาหารใต้สไตล์ยุ้งข้าวหอมได้ง่ายมากขึ้น

หน้าร้านยุ้งข้าวหอมสาขาใหม่ในแอทธินี ทาวเวอร์

พูดถึงความพิเศษของยุ้งข้าวหอมสาขาใหม่ในแอทธินี ทาวเวอร์ ย่านเพลินจิต เชฟอ้อมบอกกับเราว่า “สาขานี้จะเน้นอาหารใต้ที่มีกลิ่นอายคนจีนมากเป็นพิเศษ” เพราะเป็นรสชาติที่ใกล้ตัวและหลายคนน่าจะคุ้นเคยดี โดยร้านจะยกเมนูเดิมจากสาขาแรกมาใส่ พร้อมด้วยอีก 14 เมนูใหม่ที่จะมีให้ชิมเฉพาะที่สาขานี้เท่านั้น

เมนูใหม่ที่เราได้ลองวันนี้เริ่มจากของกินเล่น เกี้ยนทอด (250 บาท) เชฟอ้อมบอกว่าเป็นสตรีทฟู้ดของชาวภูเก็ตที่ละม้ายคล้ายฮ่อยจ๊อ ทว่าสูตรคนใต้จะใส่ผงพะโล้ลงไปด้วย ส่วนไส้ด้านในมีเผือก, มันแกว, เนื้อปู และหมูสับ เสิร์ฟให้กินคู่กับน้ำจิ้ม ‘ตี่เจียว’ รสชาติดั้งเดิมสไตล์ภูเก็ตคือมีความเปรี้ยวหวาน เพราะทำจากมะขาม น้ำตาล และพริกแห้ง แต่สำหรับใครที่กลัวชิมแล้วไม่คุ้น เชฟจะมีน้ำจิ้มบ๊วยเสิร์ฟมาให้พร้อมกันด้วย

เกี้ยนทอด (250 บาท) สตรีทฟู้ดของชาวภูเก็ตที่ละม้ายคล้ายฮ่อยจ๊อ

ถ้าสาขาแรกมีเมนูซิกเนเจอร์เป็นยำยุ้งข้าวหอม สำหรับสาขานี้ก็มี แกงจืดยุ้งข้าวหอม (385 บาท) ที่ไม่ควรพลาด เพราะเชฟบอกว่าเป็นยำยุ้งข้าวหอมในเวอร์ชันต้มจืด โดยนำปลาหมึกแห้งและกุ้งแห้งลงไปต้มในน้ำซุปจนได้รสอูมามิเข้มข้นแบบไม่ต้องพึ่งผงชูรสสักหยิบ (นึกถึงดาชิของชาวญี่ปุ่น) หลังจากนั้นค่อยใส่เนื้อปู เนื้อกุ้ง และเลือกใส่น่องไก่ เพื่อให้ชาวมุสลิมกินได้ด้วย

เวลาเสิร์ฟจะมาร้อนๆ ชิมแล้วน้ำซุปมีความหอมและรสชาติชัดเจนจากวัตถุดิบ น่องไก่ก็นุ่ม กินไม่ยาก เชฟบอกว่าเมนูนี้อยากให้ทุกคนซดได้เรื่อยๆ เราเลยอยากแนะนำให้สั่งมากินคู่กับ ข้าวหยำปูกากหมู (280 บาท) เมนูข้าวจานเดี่ยวที่เสิร์ฟคู่กับน้ำจิ้มซีฟู้ด จานนี้เชฟใช้เนื้อปูจากภาคใต้เป็นชิ้น ก่อนเติมส่วนผสมอื่นๆ คือ กระเทียม หอมแดง และพริกแดง นำไปคลุกกับน้ำซอสทำเอง ข้างๆ กันมีกากหมู ผักชี และมะนาว มาให้เพิ่มรสชาติด้วย สองเมนูนี้จับคู่กันแล้วบอกเลยว่าลงตัว

ซ้าย: แกงจืดยุ้งข้าวหอม (385 บาท)

ขวา: ข้าวหยำปูกากหมู (280 บาท)

แต่ถ้าใครอยากได้ความเผ็ดร้อนสไตล์ภาคใต้ เราแนะนำว่าต้องสั่ง แกงคั่วเนื้อตุ๋นใบยี่หร่า (390 บาท) เชฟใช้เนื้อติดเอ็นมาตุ๋นจนนุ่ม ก่อนนำมาใส่แกงคั่วทำเองผสมใบยี่หร่าที่ช่วยดับกลิ่นเนื้อได้ดีและให้ความหอมด้วย เราชอบเมนูนี้เป็นพิเศษ เพราะเผ็ดร้อนสไตล์อาหารใต้

หลังจากนั้นเป็น ปลาหมึกผัดน้ำดำ (235 บาท) เมนูจากอีกสาขาที่เชฟอ้อมเล่าว่า ชาวประมงบนเกาะยาวน้อย จังหวัดพังงา ทำให้ชิมแล้วติดใจ เชฟเลยนำมาทำใหม่ด้วยการเพิ่มความเปรี้ยวสดชื่นด้วยมะนาว จานนี้เป็นอีกซิกเนเจอร์ของร้านที่ควรลอง โดยเนื้อปลาหมึกจะนุ่ม แต่ไม่เหนียว เชฟยังเก็บเนื้อสัมผัสที่ควรมีไว้ให้ครบ

ซ้าย: แกงคั่วเนื้อตุ๋นใบยี่หร่า (390 บาท)

ขวา: ปลาหมึกผัดน้ำดำ (235 บาท)

ปิดท้ายด้วยของหวาน ขนมโคน้ำกระทิ (120 บาท) เชฟอ้อมบอกว่า เลือกทำสูตรน้ำกะทิแทนแบบแห้ง เพราะมีรสชาติที่กินคล่องคอกว่า ส่วนไส้ด้านในก็ทำใหม่ให้เป็นสไตล์ของร้านยุ้งข้าวหอม คือใช้มะพร้าวทึนทึกแทนน้ำตาลแว่นล้วนแบบสูตรดั้งเดิม โดยเชฟจะนำมะพร้าวไปผัดน้ำตาลโตนด และนำไปต้มในน้ำกะทิเพื่อให้มีความละมุนอีกที ก่อนจะโรยงาคั่วหอมๆ และเสิร์ฟให้กินในกะลามะพร้าว

อีกเมนูขนมน่าสนใจคือ ขนมตาหยาบ (90 บาท) เป็นขนมภาคใต้หากินยาก เพราะจะมีเฉพาะในชุมชนเล็กๆ เชฟอ้อมเลยไปเรียนรู้วิธีทำเพื่อนำมาเสิร์ฟให้ทุกคนชิมก่อนจะสูญหาย โดยขนมชนิดนี้จะคล้ายสายไหม เพราะด้านนอกห่อด้วยแผ่นแป้งที่มีสีเขียวจากใบเตย ส่วนด้านในเป็นไส้มะพร้าวทึนทึกผสมน้ำตาลและงาคั่ว เวลาเสิร์ฟจะห่อมาให้เป็นคำๆ กัดแล้วได้เนื้อสัมผัสทั้งนุ่ม หวาน และกรุบกรอบ หลายคนจะชอบได้ไม่ยาก เพราะรสชาติไม่หวานเกินไป

ซ้าย: ขนมโคน้ำกระทิ (120 บาท)

ขวา: ขนมตาหยาบ (90 บาท)

ร้านสาขานี้จะเปิดอยู่ในแอทธินี ทาวเวอร์ ด้านหลัง Starbucks มาพร้อมการตกแต่งที่ดูเรียบหรูขึ้นกว่าสาขาแรก และที่นั่งค่อนข้างเป็นส่วนตัวมากขึ้นด้วย โดยมีให้เลือกทั้งแบบโต๊ะโซฟาที่จะมีม่านกั้น หรือโต๊ะใหญ่สำหรับคนมาเป็นกลุ่มครอบครัว

หากวันไหนใครนึกอยากสัมผัสรสชาติอาหารใต้ใจกลางเมืองที่ปรุงอย่างพิถีพิถัน ก็ลองแวะมาชิมที่สาขานี้ดูได้ โดยเปิดวันแรกวันที่ 25 กรกฎาคมนี้