×

ยิ่งลักษณ์ Where are you? โจทย์การเมืองไทย หรือเส้นทางชีวิตใหม่ที่อาจเปลี่ยนไปตลอดกาล

26.09.2017
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

6 Mins. Read
  • 27 กันยายน 2560 คนไทยทั้งประเทศ รวมทั้งนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จะได้รู้คำตอบถึงชะตากรรมของคดีพร้อมๆ กัน และนับตั้งแต่เวลานั้นอาจกลายเป็นปฐมบทเริ่มต้นของเส้นทางใหม่ในชีวิตของอดีตนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของประเทศไทยไปตลอดกาล
  • จนถึงวันนี้เป็นเวลา 1 เดือนเต็มแล้วที่นางสาวยิ่งลักษณ์ไม่ได้ไปปรากฏตัวที่ศาลในวันนัดฟังคำพิพากษา ทุกคนยังคงรอคอยว่าเธอจะปรากฏตัวเมื่อใด เป็นไปได้ว่าอาจหลังมีคำพิพากษา และตอบคำถามว่าเธอเร้นกายอยู่จุดใดของโลกนี้

     “ยืนยันว่าจะต่อสู้ในคดีที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิจารณาข้อหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่จากโครงการรับจำนำข้าว โดยจะไม่หนีไปไหน สู้เต็มที่ แม้มีความหวังแค่ 1% ก็ต้องสู้เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ เชื่อว่า 1% อาจจะโตขึ้นเรื่อยๆ”

     เป็นถ้อยคำที่ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และจำเลยเพียงคนเดียวในคดีปล่อยปละละเลยให้มีการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าว ได้ให้สัมภาษณ์พิเศษกับหนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์ เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม 2560

 

Photo: LILLIAN/AFP

     ก่อนหน้านี้อดีตนายกฯ เคยให้สัมภาษณ์ยืนยันว่าจะไม่หลบหนีและเดินหน้าต่อสู้คดีความ แม้ในการแถลงปิดคดีเมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2560 ก็ยังแสดงให้เห็นท่าทีและจุดยืนที่จะมารับฟังคำพิพากษาในวันที่ 25 สิงหาคมที่ผ่านมา จนถึงวันนี้ ข่าวคราวการหายตัวไปอยู่ที่ใดยังไม่ปรากฏชัด แต่วันที่ 27 กันยายนนี้ ศาลได้นัดอ่านคำพิพากษาคดีนี้อีกครั้ง

 

Photo: LILLIAN/AFP

1 เดือนที่ล่องหน ยิ่งลักษณ์ Where are you?

     จนถึงวันนี้ก็เป็นเวลา 1 เดือนเต็มแล้วที่นางสาวยิ่งลักษณ์ไม่ได้ไปปรากฏตัวที่ศาลในวันนัดฟังคำพิพากษา แม้ว่าก่อนหน้านี้จะได้ประกาศให้มวลชนไม่ต้องมาให้กำลังใจตนเองที่ศาลผ่านทางเฟซบุ๊กส่วนตัว แต่เมื่อถึง ‘วัน ว. เวลา น.’ ดังกล่าว กลับไม่ปรากฏกายของอดีตนายกฯ กระทั่งนำมาสู่การออกหมายจับของศาลฎีกาฯ ด้วยการอ้างเหตุว่าป่วย ‘น้ำในหูไม่เท่ากัน’ แต่กลับไม่มีใบรับรองแพทย์มายืนยัน ศาลจึงเชื่อว่ามีพฤติการณ์หลบหนี

     จากวันนั้นก็ไม่มีใครได้ข่าวอดีตนายกฯ ผู้น้องของนายทักษิณ ชินวัตร อีกเลย มีเพียงการคาดการณ์และการปะติดปะต่อเรื่องราวจากหลายฝ่ายถึงความเป็นไปได้ที่อดีตนายกฯ จะใช้วิธีการหรือปลายทางของการหลบหนีอยู่ที่ใด

     เงื่อนปมแรกต่างพุ่งตรงไปที่ ‘ทักษิณ’ ว่าการหลบหนีหรือหายตัวไปของ นางสาวยิ่งลักษณ์ เบื้องหลังน่าจะมีพี่ชายของเธอรู้เห็นหรือไม่ จนกระทั่งนายทักษิณได้ออกมาทวีตข้อความแรกในรอบกว่า 2 ปี ภายหลังเกิดเรื่องดังกล่าวได้ 5 วัน โดยยกเอาคำกล่าวของนักปรัชญาชาวฝรั่งเศสที่พูดถึงกระบวนการยุติธรรมมาสร้างแรงเขย่าทางการเมือง ท่ามกลางการถามหาว่านางสาวยิ่งลักษณ์อยู่ที่ใด จะใช่นครดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ที่นายทักษิณพำนักอยู่หรือไม่ หรือว่าได้เดินทางต่อไปที่ใดเพื่อที่จะขอลี้ภัยทางการเมืองแล้ว

     ในเวลาต่อมา แหล่งข่าวจากหน่วยงานด้านความมั่นคงอ้างว่านางสาวยิ่งลักษณ์ได้หลบหนีออกจากบ้านพักของเธอตั้งแต่วันที่ 23 สิงหาคม ในเวลาประมาณ 1 ทุ่มตรง โดยใช้รถยนต์ส่วนตัว ก่อนจะไปเปลี่ยนเป็นรถตู้ที่ติดฟิล์มมืดทึบ ณ สถานที่แห่งหนึ่งเพื่อใช้เป็นพาหนะในการพรางการหลบหนี โดยใช้เส้นทางจากกรุงเทพฯ ไปยังจังหวัดสระแก้วเป็นจุดหมายแรก ก่อนจะใช้ช่องทางธรรมชาติเพื่อผ่านด่านข้ามแดนไปยังเมืองปอยเปต บริเวณชายแดนด่านบ้านคลองลึก แล้วต่อไปยังกรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา ก่อนที่จะมีบุคคลระดับสูงพาเธอไปยังสนามบิน และต่อเครื่องไปที่สนามบินสิงคโปร์เพื่อเดินทางไปหาพี่ชาย ณ ที่พำนักปลายทาง

     แต่นี่ก็เป็นเพียงคำกล่าวอ้างอิงของแหล่งข่าวเท่านั้น ท่ามกลางการเกาะติดของสื่อมวลชนทั้งไทยและเทศที่พยายามวิเคราะห์ปัจจัยการหลบหนีต่างๆ ที่เป็นไปได้

     21 กันยายน ก่อนถึงวันอ่านคำพิพากษาคดีเพียง 5 วัน พลเอกศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้คุมตัวตำรวจ 3 นายซึ่งเกี่ยวข้องกับรถยนต์โตโยต้า คัมรี สีบรอนซ์ หมายเลขทะเบียน ณข 5323 กรุงเทพมหานคร ที่มีการตั้งข้อสงสัยว่าเป็นคันที่พาอดีตนายกฯ หลบหนีมาทำการสอบปากคำตลอดคืน ซึ่งนายตำรวจทั้งสามได้ให้การว่าเป็นผู้ขับรถพานางสาวยิ่งลักษณ์มุ่งหน้าไปจังหวัดสระแก้ว และมีรายงานว่ามีนายตำรวจยศพลตำรวจเอกวัยเกษียณ และผู้เกี่ยวข้องอีกกว่า 10 รายที่ให้การช่วยเหลือพาหลบหนี

     ล่าสุดวันที่ 26 กันยายน พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนหลังประชุม ครม. ว่า “รู้แล้ว นางสาวยิ่งลักษณ์อยู่ประเทศไหน แต่ยังไม่ขอบอก รอหลังศาลตัดสิน 27 กันยายน 2560 และรอประเทศดังกล่าวยืนยันอีกครั้ง เป็นไปได้ขอประสานส่งตัว”

     ทั้งหมดนี้น่าจะชัดเจนขึ้นหลังวันที่ 27 กันยายนว่าอดีตนายกฯ เร้นกายอยู่ที่ใดกันแน่

 

Photo: LILLIAN/AFP

พรุ่งนี้ของยิ่งลักษณ์จะเป็นอย่างไร

     น่าจะเป็นที่แน่นอนแล้วว่าวันที่ 27 กันยายน เวลา 9.00 น. ในการนัดอ่านคำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองคงจะไม่มีการปรากฏตัวของ ‘ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร’ จำเลยเพียงคนเดียวในคดีนี้ แต่หากเธอปรากฏตัวก็ต้องบอกว่าเป็นเรื่องปาฏิหาริย์ยิ่งนัก

     สำหรับการอ่านคำพิพากษาในวันพรุ่งนี้ นายนรวิชญ์ หล้าแหล่ง ทนายความของนางสาวยิ่งลักษณ์บอกกับ THE STANDARD ว่า

     “ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ศาลสามารถอ่านคำพิพากษาลับหลังจำเลยได้ แต่อย่างไรก็ตาม ศาลอาจจะเลื่อนการอ่านคำพิพากษาออกไปก็ได้หากมีเหตุผล เช่น ไม่ครบองค์คณะ หรือทำคำพิพากษาไม่ทัน แต่ก็เป็นไปได้ยาก”

     ซึ่งสอดคล้องกับที่ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนเมื่อวันที่ 28 สิงหาคม

     “ศาลสามารถอ่านคำพิพากษาลับหลังได้ ซึ่งเป็นไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา แต่ไม่ได้เป็นบทบังคับว่าจะต้องอ่านลับหลังเท่านั้น ศาลสามารถเลื่อนนัดอ่านคำพิพากษาออกไปได้”

     ขณะที่ทีมทนายความทั้งหมดจะเดินทางไปยังศาลตามกำหนดนัดหมายในวันพรุ่งนี้

     “ก็จะเดินทางไปศาลตามปกติเพื่อทำหน้าที่ในฐานะทนายความ จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ได้รับการติดต่อจากอดีตนายกฯ ส่วนผลของคดีจะออกมาอย่างไรก็ว่าไปตามกระบวนการ” นายนรวิชญ์กล่าว

     ความน่าสนใจหากมีการเลื่อนอ่านคำพิพากษา หรือมีการประกาศใช้ พ.ร.บ. วิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองฉบับใหม่ก่อนการอ่านคำพิพากษา ไม่ว่าทางใด นางสาวยิ่งลักษณ์อาจตกที่นั่งลำบากซ้ำสอง เพราะมีการแก้ไขให้คดีลักษณะนี้ไม่มีอายุความ และหากผลของคดีออกมาแล้วต้องการยื่นอุทธรณ์ ได้กำหนดให้จำเลยต้องมาปรากฏตัวต่อเจ้าพนักงานศาลในกรณีที่ไม่ได้ถูกคุมขัง

     จึงนับเป็นโซ่ตรวนที่พันธนาการเธอไว้อีกชั้นหนึ่งในการตัดสินใจว่าจะคืนสู่เหย้า หรือตามรอยพี่ชาย แต่นั่นอาจหมายถึงการต้องใช้ชีวิตต่างแดนไปตลอดกาล

 

Photo: PORNCHAI/AFP

จับตาคำพิพากษา (อีกครั้ง) โอกาสที่เป็นไปได้

     สำหรับข้อหาที่อัยการสูงสุดได้ยื่นฟ้องนางสาวยิ่งลักษณ์เป็นจำเลยก็คือ ความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบและโดยทุจริตเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามมาตรา 123/1 ซึ่งแก้ไขตาม พ.ร.บ. ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 (แก้ไขเพิ่มเติมฉบับ พ.ศ. 2554)

     จากกรณีปล่อยปละละเลยไม่ยับยั้งโครงการจำนำข้าวที่ทำให้รัฐได้รับความเสียหายนับแสนล้านบาท ต้องระวางโทษจําคุกตั้งแต่ 1-10 ปี หรือปรับตั้งแต่ 20,000-200,000 บาท หรือทั้งจําทั้งปรับ

     ก่อนหน้านี้สื่อมวลชนพยายามที่จะคาดการณ์และประเมินถึงแนวทางที่เป็นไปได้ตามหลักเกณฑ์และกรอบของกฎหมาย ซึ่งแน่นอนว่าหวยก่อนวันที่ 25 สิงหาคม ออกมาแล้วว่าอดีตนายกฯ หลบหนีไม่มาฟังคำพิพากษา ทำให้คำพิพากษาอาจเป็นไปได้อยู่ 3 แนวทางคือ

     กรณีที่ 1 ศาลฎีกาฯ มีคำพิพากษาว่า นางสาวยิ่งลักษณ์ ‘ไม่มีความผิด’ ตามที่ถูกฟ้องคดี     

     กรณีที่ 2 ศาลฎีกาฯ มีคำพิพากษาว่า นางสาวยิ่งลักษณ์ ‘มีความผิด’ ตามที่ถูกฟ้องคดี และศาลให้รอการกำหนดโทษ หรือที่เรียกกันโดยทั่วไปตามความเข้าใจว่ารอลงอาญา     

     กรณีที่ 3 ศาลฎีกาฯ มีคำพิพากษาว่า นางสาวยิ่งลักษณ์ ‘มีความผิด’ ตามที่ถูกฟ้องคดี และศาลมีคำพิพากษาให้จำคุกทันที

     “ไม่ว่าผลของคำตัดสินจะออกมาอย่างไรก็ว่าไปตามกระบวนการ ทนายความไม่ได้เตรียมการอะไร เพราะไม่ว่าผลจะออกมาเป็นบวกหรือลบก็ไม่สามารถทำอะไรได้ เพราะติดต่ออดีตนายกฯ ไม่ได้ และถ้าตัดสินว่าผิด ไม่ว่าจะรอหรือไม่รอการลงโทษ ตัวจำเลยก็ไม่รู้อยู่ไหน” นายนรวิชญ์ ทนายความของนางสาวยิ่งลักษณ์กล่าว

     ประเด็นที่น่าสนใจต่อมาก็คือ ไม่ว่าผลของคดีจะออกมาอย่างไร นางสาวยิ่งลักษณ์ยังมีคดีอื่นๆ จ่อคิวเข้าสู่การพิจารณาคดีอีกหลายสิบ ไม่นับรวมการหลบหนีคดีในครั้งนี้ที่อาจกลายเป็นอีกคดีที่เพิ่มเติมเข้ามา ซึ่งจะยากต่อการกลับมาสู่เมืองไทย เพราะหนทางเดียวที่จะทำให้สามารถเดินทางกลับไทยได้ก็คือการพิพากษาให้ยกฟ้องเธอเท่านั้น หรืออาจต้องขอสถานะผู้ลี้ภัยทางการเมืองในต่างแดนจากประเทศใดประเทศหนึ่ง

 

 

เช็กท่าทีมวลชนและแกนนำเพื่อไทยในวันไร้เงายิ่งลักษณ์

     แหล่งข่าวจากพรรคเพื่อไทยบอกกับ THE STANDARD ว่าไม่ได้มีการส่งสัญญาณหรือกำหนดทิศทางอะไรจากทางพรรคเป็นพิเศษเกี่ยวกับการเดินทางไปฟังคำพิพากษาคดีของอดีตนายกฯ

     “พรรคไม่ได้กำชับหรือส่งสัญญาณอะไรเรื่องการไปศาล แต่ในฐานะสมาชิกก็คงจะติดตามความเคลื่อนไหวและผลคำพิพากษาอย่างใกล้ชิด เป็นห่วงอดีตนายกฯ แล้วก็เป็นห่วงมวลชน คิดว่าคงมีบ้างที่จะเดินทางไปศาลในวันพรุ่งนี้”

     ที่ผ่านมา การเดินทางมาศาลของนางสาวยิ่งลักษณ์จะมีมวลชนและแกนนำพรรคเพื่อไทยเดินทางมาให้กำลังใจอย่างหนาแน่น แม้แต่ในวันที่ 25 สิงหาคม ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้จัดกำลังรักษาความอย่างเต็มที่ ซึ่งคาดการณ์ว่าจะมีมวลชนจำนวนหลายพันคน รวมทั้งแกนนำพรรค และแกนนำ นปช. แต่คาดว่าในวันพรุ่งนี้มวลชนน่าจะหดหาย และแกนนำพรรคน่าจะไม่มาศาลอย่างที่เคย

     ด้านฝ่ายรัฐ โดยพลเอกเฉลิมชัย สิทธิสาท ผบ.ทบ. ในฐานะเลขาธิการ คสช. ได้มอบหมายให้ส่วนที่เกี่ยวข้องได้ดูแลพื้นที่และอำนวยความสะดวกให้ประชาชนที่เดินทางไปรับฟังคำพิพากษาเช่นเดียวกับการปฏิบัติในวันที่ 25 สิงหาคม

     รวมทั้งให้มีการชี้แจงทำความเข้าใจกับประชาชนเป็นส่วนรวมในพื้นที่ต่างๆ ในสาระสำคัญตามกระบวนการยุติธรรมของคดีนี้ด้วย เพื่อป้องกันการเข้าใจผิดหรือการนำเอาข้อมูลไปบิดเบือนให้เกิดความเสียหายกับสังคม

     ขณะที่พลตำรวจโทศานิตย์ มหถาวร ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) สั่งการให้ตำรวจจัดกำลังและวางมาตรการรักษาความปลอดภัยแบบเดียวกับวันที่ 25 สิงหาคมที่ผ่านมา โดยคาดว่าจะมีมวลชนมาในวันพรุ่งนี้ประมาณ 300-400 คน

     คนไทยทั้งประเทศ และนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กำลังจะได้รู้คำตอบถึงชะตากรรมของคดีพร้อมๆ กัน รวมทั้งหวังให้เธอปรากฏตัวในคราวเดียวกันด้วย เพราะเมื่อทั้งหมดชัดเจน นี่อาจกลายเป็นปฐมบทเส้นทางใหม่ในชีวิตของอดีตนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของประเทศไทยที่ไม่เหมือนเดิมไปตลอดกาล

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising