เงินเยนอ่อนค่าแตะระดับต่ำสุดในรอบ 34 ปี เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (26 เมษายน) โดยจุดหนึ่งร่วงไปถึง 158.33 เยนต่อดอลลาร์สหรัฐ ทำให้ตั้งแต่ต้นปี (YTD) เงินเยนอ่อนค่าไปแล้วเกือบ 11%
เมื่อเทียบกับเงินบาทไทย วันนี้ (27 เมษายน) เงินเยนก็ยังอ่อนค่า โดยเงิน 100 เยนใช้เงินบาทเพียง 23.37 บาทก็สามารถแลกได้แล้ว นับว่าเป็นการอ่อนค่ามากสุดในรอบ 27 ปี หรือตั้งแต่ปี 1997 แม้ว่าตั้งแต่ต้นปีเงินบาทจะอ่อนค่าไปราว 8% แล้วก็ตาม (เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ)
เปิดเหตุผลทำไมเงินเยนอ่อนค่าหนัก
- BOJ คงดอกเบี้ยนโยบาย ทำให้ช่องว่างดอกเบี้ยญี่ปุ่น-สหรัฐฯ กว้างต่อ
การอ่อนค่าของเงินเยนครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ในวันศุกร์ พร้อมส่งสัญญาณว่าญี่ปุ่นยังจะใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลายต่อไป (Ultra-Loose Policy)
สะท้อนว่า BOJ จะยังไม่ปรับขึ้นดอกเบี้ยเร็วๆ นี้ ซึ่งจะทำให้ส่วนต่างดอกเบี้ยนโยบายของญี่ปุ่น และธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา (Fed) กว้างเช่นนี้ต่อไป ทำให้นักลงทุนย่อมเสาะหาผลตอบแทนที่ดีกว่าญี่ปุ่น
ปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยนโยบายของญี่ปุ่นอยู่ที่ 0-0.1% ขณะที่อัตราดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐฯ สูงถึง 5.25-5.5%
- ผู้ว่า BOJ ไม่ให้น้ำหนักต่อการอ่อนค่าของเยน?
นอกจากนี้ ในการแถลงผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน Kazuo Ueda ผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่น ก็กล่าว ‘เพียงเล็กน้อย’ เท่านั้นว่าสนับสนุนเงินเยน
อย่างไรก็ดี Shunichi Suzuki รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังญี่ปุ่น ก็กล่าวย้ำหลังการประชุม BOJ ว่ารัฐบาลจะตอบสนองต่อการเคลื่อนไหวของอัตราแลกเปลี่ยนอย่างเหมาะสม พร้อมยืนยันว่ารัฐบาลจะไม่ปล่อยให้เงินเยนอ่อนค่าเร็วเกินไป
- เงินเฟ้อสหรัฐฯ ยังร้อนแรง นักลงทุนหวั่นดันช่องว่างดอกเบี้ยกว้างขึ้น
ขณะเดียวกันข้อมูลจากฝั่งสหรัฐฯ เมื่อวันศุกร์ ก็แสดงให้เห็นว่าดัชนีราคาจากรายจ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (Personal Consumption Expenditures: PCE) ซึ่งเป็นตัววัดอัตราเงินเฟ้อที่ Fed ให้ความสำคัญ ก็เพิ่มขึ้นมากกว่าที่คาดไว้ในเดือนมีนาคม ส่งผลให้ความคาดหวังของนักลงทุนเกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของ Fed ริบหรี่ลง
Ben Ayers นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสจาก Nationwide กล่าวว่า ตัวเลขเงินเฟ้อที่ร้อนแรงจนถึงเดือนมีนาคมน่าจะลดความเป็นไปได้ที่ Fed จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในครึ่งแรกของปีนี้ออกไป นอกจากนี้ เศรษฐกิจสหรัฐฯ ก็ดูเหมือนจะ Resilience มากขึ้น เพิ่มความเป็นไปได้ว่าการลดดอกเบี้ยของ Fed จะเกิดขึ้นในปี 2025 หากเศรษฐกิจเผชิญความเสี่ยงด้านลบที่สำคัญในปีหน้า
ดังนั้นตลาดจึงเชื่อว่าช่องว่างอัตราดอกเบี้ยระหว่างสหรัฐฯ และญี่ปุ่นจะมีแนวโน้มกว้างต่อไป ทำให้นักลงทุนหันไปหาสินทรัพย์ในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า
อ้างอิง:
- https://www.bloomberg.com/news/articles/2024-04-26/yen-drops-to-fresh-34-year-low-as-boj-keeps-key-rate-unchanged?srnd=homepage-asia&sref=CVqPBMVg
- https://asia.nikkei.com/Business/Markets/Currencies/Yen-tumbles-past-158-against-dollar-on-stubborn-U.S.-inflation
- https://www3.nhk.or.jp/nhkworld/en/news/20240427_07/